‘ตั้ม-เมีย’หลับๆตื่นๆ
คุกคืนแรกเครียด/ยังต้องปรับตัว
ทอดเวลาก่อนยื่นประกันตัวอีก
กรมราชทัณฑ์เผย “ทนายตั้ม-เมีย”นอนคุกคืนแรกมีอาการเครียด หลับบ้างตื่นบ้าง แต่ยังรับประทานอาหารได้ตามปกติ คาดต้องใช้เวลาปรับตัวระยะหนึ่ง พร้อมเตรียมป้องกันการเผชิญหน้ากับคู่กรณีในคุก “ทนายสายหยุด” ชี้เงิน71 ล้าน เป็นเงินจาก “เจ๊อ้อย”ให้มาลงทุน ไม่ใช่ให้โดยเสน่หาความคืบหน้ากรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และนางปทิตตาเบี้ยบังเกิด ภรรยา ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง และข้อหาตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ถูกนำตัวไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เเละทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างฝากขัง หลังศาลอาญารัชดายกคำร้องปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 2 ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า การถูกคุมขังในคืนแรกนั้น เบื้องต้นทั้งสองคนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีและไม่ได้มีการร้องขออะไรเป็นพิเศษ ปกติของผู้ต้องขังใหม่ทุกคนต้องมีอาการเครียดบ้าง โดยทั้งคู่สามารถรับประทานอาหารได้ มื้อเช้าของทนายตั้มเป็นข้าวสวย แกงจืดวุ้นเส้น และไข่เจียว ส่วนมื้อเช้าของ นางปทิตตา เป็นข้าวต้ม และผัดไชโป๊วใส่ไข่
นอกจากนี้ ทั้งคู่ก็ยังสามารถนอนหลับได้ แต่ก็อาจมีตื่นบ้างเป็นบางเวลา ซึ่งก็ยังถือว่าเป็นเรื่องปกติของการเข้าเรือนจำในช่วงแรกๆ และต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัว โดยทางกรมราชทัณฑ์ก็จะจัดแพทย์และนักจิตวิทยาคอยให้คำปรึกษาแนะนำทั้งในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตตามกระบวนการ
ป้องกันเผชิญหน้า“บอสดิไอคอน”
นางกนกวรรณ กล่าวว่า สำหรับคู่กรณีของทนายตั้ม เจ้าหน้าที่จะต้องพิจารณาทั้งในส่วนของคดี “ดิไอคอน กรุ๊ป” ที่มีผู้ต้องขังชาย 11 คน ซึ่งได้แยกแดนกระจายอยู่ในแดนต่างๆ 2-3 คน รวมไปถึงคดีอื่นๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการปะทะหรือเผชิญหน้ากัน อย่างไรก็ตามยังมีเวลาพิจารณาอีกหลายวันเพราะทนายตั้ม ต้องอยู่แดนกักโรค 5 วัน และปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ก่อนส่งเข้าแดนปกติในเรือนจำ
ทนายชี้เงิน71ล. “เจ๊อ้อย”ให้มาลงทุน
วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว โพสต์ข้อความระบุว่า นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส กรณีทนายตั้มรับเงินก้อนใหญ่ที่สุด คือ เงิน 71 ล้าน จากคุณอ้อย ผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงเป็นปกติธุระ โดยนายสายหยุด ระบุว่าจากการรวบรวมเอกสารสัญญาต่างๆ ที่ตัวเองตรวจอย่างละเอียด มองว่า เป็นการให้เงิน 71 ล้านมาให้ทนายตั้มลงทุนคนเดียว ส่วนที่ก่อนหน้านี้ทนายตั้มอ้างว่า “ได้มาโดยเสน่หา” ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพูดแบบนั้น
เตรียมสอบถามเรื่องคืนเงินให้เจ้าของ
เมื่อ ‘หนุ่ม กรรชัย’ ถามว่า ทำไมยังไม่คืน นายสายหยุด กล่าวว่า เป็นหนี้ก็ต้องใช้ ส่วนจะคืนหรือไม่อย่างไร เมื่อไหร่ ตนจะไปถามทนายตั้มให้หลังจากไปเยี่ยม
กรณีถัดมาเรื่องรถเบนซ์ นายสายหยุดกล่าวว่า ราคาส่วนต่างที่เกินมา เป็นเพราะช่วงนั้นรถขาดตลาด เมื่อทนายตั้มไปหาซื้อจากโชว์รูมจนได้ จึงไปขอส่วนต่าง 1.5 ล้านจากโชว์รูม
ส่วนเรื่องค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้าน ทนายสายหยุดชี้แจงว่า อย่ามองแค่เรื่องการออกแบบ เพราะเจ๊อ้อยตกลงกับทนายตั้มให้เข้ามาดูทั้งโครงการ มูลค่าโครงการ 160 ล้าน ในช่วงนั้นไม่ได้มีการจ่ายค่าจ้างที่ปรึกษาทนายเดือนละ 3 แสนบาทแล้วด้วย ทนายตั้มจึงต้องเดินทางไป-มาปากช่อง ตอนนั้นเสนอราคาค่าออกแบบไป 9 ล้าน จ่ายไป 3.5 ล้าน เงินที่เหลือ 5 ล้านอยู่ที่ทนายตั้ม ยังไม่ได้คืน เพราะช่วงนั้นไม่ได้คุยเพราะบาดหมางกัน เจ๊อ้อยสั่งไม่ให้ทนายตั้มเข้าพื้นที่ และไม่มีการทวงเงิน 5 ล้านคืน
รอเอกสารพร้อมก่อนยื่นขอประกัน
ทนายสายหยุด ซึ่งให้สัมภาษณ์ก่อนที่ศาลอาญาจะอนุญาตฝากขัง และไม่ให้ประกันตัวภรรยาของทนายตั้มที่ยื่นขอประกันตัวไปคนเดียว ระบุว่า วันนี้ยังไม่ยื่นประกันตัวทนายตั้มเพราะเอกสารยังไม่พร้อม หากเอกสารพร้อมและมีความมั่นใจว่าจะได้ประกันตัว จึงจะยื่นประกัน โดยจะยื่นประกันตัวเฉพาะคุณเดือน ภรรยาทนายตั้มเท่านั้น ทั้งนี้ข้อหาที่คุณเดือนได้รับ คือ สมคบร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งไม่ใช่ข้อหาฉ้อโกง
ทนายสายหยุดกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้คุยกับคุณเดือน ทางคุณเดือนยอมรับว่า ที่มีเส้นเงินต่างๆ โอนมาที่เธอ เพราะมีความกังวลเรื่องทนายตั้มเจ้าชู้ กลัวว่าจะไปโอนให้คนอื่นๆ หมด ส่วนเรื่องบ้านราคา 30 ล้านนิดๆ จองไว้นานแล้ว ก่อนที่จะได้เงินจากเจ๊อ้อย แต่เพิ่งโอน
“ทนายเดชา”ชี้ “ทนายตั้ม”สับขาหลอก
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเช้าวันนี้ ได้มีโอกาสได้คุยกับนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้มและภรรยา โดยทนายสายหยุดยืนยันว่า ทนายตั้มไม่ได้ให้การกับตำรวจเหมือนกับที่พูดในรายการ หรือตามที่ออกสื่อไปก่อนหน้านี้ ที่เคยกล่าวว่าได้เงินมาด้วยความเสน่หา โดยทนายตั้มได้ให้การกับตำรวจในลักษณะว่าได้รับเงินมาจากผู้เสียหาย เพื่อไปลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจหวยออนไลน์ และมาทำเพียงคนเดียวไม่ได้ร่วมลงทุนกับผู้เสียหาย ซึ่งทางทนายตั้มมีการวางแผนมาไว้นานแล้ว
มั่นใจจะหลุดคดีนี้แน่นอน
โดยขณะที่ทนายตั้มถูกจับกุม ตัวทนายสายหยุดเองก็เตรียมคำให้การทนายตั้มที่อยู่ในแฟลชไดรฟ์ส่งให้พนักงานสอบสวน หลังจากพนักงานสอบสวนฟังคำให้การเสร็จ ตัวทนายตั้มเองเพียงเซ็นชื่อเท่านั้น ซึ่งทางทนายตั้ม และทนายสายหยุดเองก็มั่นใจว่าจะหลุดคดีนี้ ส่วนที่ไปออกสื่อหรือรายการต่างๆ จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ ก็ต้องมาดูว่าผู้ใดเป็นผู้เผยแพร่ และขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน เพราะศาลจะใช้ข้อมูล สำนวนจากตำรวจเท่านั้น และใช้คำให้การในชั้นศาลเพียงเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่ทนายตั้มให้การกับตำรวจขัดแย้งกับที่พูดในรายการจะทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ตัวเองหรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า ตัวทนายตั้มไม่ได้คำนึงถึงอะไร คำนึงเพียงแค่ผลของคดีเท่านั้นว่าจะรอดหรือไม่ และส่วนที่จะถูกมองว่าเป็นการเพลี่ยงพล้ำในการต่อสู้คดีหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายจะคิดได้ แต่ตัวทนายตั้มมีการวางแผนไว้แล้ว เพราะทนายตั้มไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรก็พูด แต่ต้องมีการเตรียมก่อนจะพูดไว้แล้ว
ส่วนที่มีกระแสข่าวมองว่าเป็นแผนการฟอกขาวของทนายตั้มนั้น ไม่ยืนยันว่าเป็นการฟอกขาวหรือไม่ แต่รู้มาว่าทนายตั้มรู้ตัวว่าจะถูกออกหมายจับมาก่อน เป็นเดือนแล้ว รู้กระทั่งจะโอนสำนวนไปบก.ป.วันไหน จึงได้เตรียมการทุกอย่างไว้ และเชื่อว่าคดีนี้ทนายตั้มมีหมัดเด็ดในการสู้คดี พร้อมกันนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าการที่ทนายตั้มออกมาปรากฏต่อหน้าสื่อหรือการออกมาแอ็คชั่นในกรณีนี้ เป็นการเบี่ยงเบนให้ฝั่งตรงข้ามของทนายตั้มเอาประเด็นนี้ไปเล่น
ชี้ลบชื่อจากสภาทนายฯ ไม่ใช้เรื่องง่าย
ทนายเดชา กล่าวว่า จากการพิจารณาการถูกแจ้งข้อกล่าวหาตัวทนายตั้มมีอัตราโทษรวมแล้วกว่า 10 ปี จึงทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการควบคุมตัวและยังส่งผลให้การฝากขังถูกเพิ่มจาก 4 เป็น 7 ฝาก (84วัน) รวมถึงต้องไปดูเรื่องการฟอกเงิน ที่เป็นคดีต่างกรรมต่างวาระ แต่ในชั้นนี้ทนายตั้มยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีการพิพากษา
ส่วนกรณีที่ทนายตั้มจะถูกลบชื่อจากทนายความหรือไม่ หลังจากที่มีการร้องให้ตรวจสอบเรื่องมรรยาททนายความของทนายตั้มนั้น ทนายเดชา กล่าวว่า การถอนใบอนุญาตไม่ใช่เรื่องง่าย การดำเนินการมีขั้นตอน และจะต้องมีคำพิพากษาถึงที่สุด อาจจะใช้เวลา 5-7 ปี ที่จะลบชื่อทนายตั้มออกได้ และขออย่าเหมารวมว่าแวดวงทนายความจะได้รับความเสื่อมเสีย ต้องมองเป็นรายบุคคล
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะมีทนายหรือที่ปรึกษาทางกฎหมายคนต่อไปจะถูกแฉนั้น ทนายเดชา กล่าวว่า ตนทราบมาว่า มีทนายดังที่ไปออกรายการดัง และน่าจะอยู่ในแก๊งอเวนเจอร์รับเงินลูกความมา 1 แสนบาท แต่ไม่ทำอะไร แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะหากพูดไปทุกคนจะรู้ทันที
ชี้“ทนายตั้ม”ลีลาไม่ธรรมดา
เมื่อถามว่าทนายตั้มถูกนำตัวเข้าเรือนจำจะมีโอกาสได้เจอกลุ่มบอสดิไอคอนกรุ๊ปหรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า ได้ข่าวว่าเจอ และพวกบอสอาจจะเปลี่ยนทนายก็ได้ เพราะทนายตั้มมีลีลาไม่ธรรมดา ซึ่งตนทราบมาว่าระหว่างการให้ปากคำกับ พงส.บก.ป. ตำรวจได้ให้ทนายตั้มเซ็นลงชื่ออนุญาตในการเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์แต่ทนายตั้มไม่เซ็น และทนายตั้มได้กล่าวกับพนักงานสอบสวนว่า “คุณจะเอามือถือผมไปดูด คุณรู้หรือไม่ข้างในมีอะไร มีข้อมูลเกี่ยวกับบิ๊กตำรวจ คุณกล้ารับผิดชอบหรือไม่หากหลุดไป” ซึ่งตนก็ตั้งคำถามว่าการที่เข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์ทนายตั้มนั้น เพื่อต้องการขยายผลถึงคดีนี้หรือคดีอื่นกันแน่
“ธรรมนัส”ไม่รู้จัก“ตั้ม”เป็นการส่วนตัว
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.จังหวัดพะเยา กล่าวถึงกรณี เคยไปร่วมงานวันเกิดของภรรยา และร่วมงานเปิดสำนักงานทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่ามีน้องรักที่ทำงานเพื่อสังคม ชวนไปแสดงความยิน ไม่ได้มีความสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งเกิดขึ้นสมัยนานมาแล้ว ไม่มีนัยยะอะไรเลย และถือเป็นการรู้จักครั้งแรกกับทนายตั้ม จากนั้นตนก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกันเลย ซึ่งตอนนั้นก็เดินทางไปในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ
เมื่อถามต่อว่าทนายตั้มมักจะอ้างว่าได้รู้จักกับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า ตนไม่มีความผูกพันและไม่เคยคุยส่วนตัวกับทนายตั้มเลย
ตั้งกก.สอบ‘ผกก.สน.บางซื่อ’คดีดูดเงิน39ล.
มีรายงานว่า พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้ลงนามในหนังสือเลขที่ 0015/437 ลง 8 พ.ย.2567 มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. (รับผิดชอบงานจเร) ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ หลังจากที่ถูกตำรวจกองปราบปรามเชิญตัวไปให้ข้อมูล กรณีที่เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2566 ที่ผ่านมาได้มีผู้เสียหาย คือ นางสาวสารินี อายุ 30 ปี ภรรยาของ นายนุ คนสนิทของทนายตั้ม ได้ไปลงบันทึกประจำวัน ไว้ที่ สน.บางซื่อ ว่า ถูกดูดเงินจากบัญชีที่ใช้โอนบิทคอยน์ เพราะโอนเงินไปให้สแกมเมอร์ ที่อ้างเป็นดาราจีนตามที่ทนายตั้ม อ้างว่า นางจตุพร อุบลเลิศ หรือ พี่อ้อย วานให้โอนเงินเป็นสกุลบิทคอยท์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี