ผู้ประกอบการเรือโดยสารเผยนักท่องเที่ยวไทยกังวลเรื่องปัญหาเกาะกูด สอบถามผู้ประกอบการว่าเสี่ยงภัยหรือไม่ ส่วนการเดินทางมาของ 2 รองนายกรัฐมนตรี หวังสร้างความเชื่อมั่นกลับมาสู่เกาะกูดอีกครั้ง ด้านยายวัย 80 ปี ยันเกาะกูดเป็นของไทย
9 พ.ย.67 ที่บริเวณบริษัท บุญศิริเรือเร็ว จำกัด อ.เมือง จ.ตราด และบริษัท เสือดำโก จำกัด ต.อ่าวใหญ่ อ.เมือง จ.ตราด วันนี้ (09.30-10.30 น.วันที่ 9 พฤศจิกายน 2567) นักท่องเที่ยวจำนวนกว่า 500 คน ทะยอยขึ้นรถลากเดินทางสู่ท่าเรือแหลมศอก เพื่อเดินทางไปยังอำเภอเกาะกูด จ.ตราด ขณะที่ช่วงบ่ายจะมีเรือของบริษัท เกาะกูดเอกเพรส จำกัด และบริษัท เกาะกูดปริ้นเซส จำกัดรับนักท่องเที่ยวอีกกว่า 500-600 คนเดินทางลงเกาะกูด ซึ่งแม้จะมีข่าวเรื่องเกาะกูดกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา ซึ่งมีข่าวนำเสนออย่างต่อเนื่องและสร้างความสับสนให้นักท่องเที่ยวว่า จะเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตามปกติหรือไม่
นางสาววิภา บุญอยู่ ผู้จัดการ บรษัท เสือดำโก (ตราด ) จำกัด เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาลงเรือเสือดำโกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ที่เพิ่มมากก็คือมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ส่วนนักท่องเที่ยวไทยมีความกังวลกับข่าวสารเรื่องเกาะกูดมาก และสอบถามมาทางช่องแชดของบริษัทว่าสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะกูดได้หรือไม่ ซึ่งชี้แจงและให้ข้อมูลไปว่า ไม่ได้มีสถานการณ์ที่น่ากลัวตามที่เป็นข่าว และไม่มีขนกำลังทหารทั้งจากไทย และกัมพูชามาในพื้นที่แต่ประการใด ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการแชร์ข่าวสารจากสื่อมวลชนหรือกลุ่มการเมืองบางกลุ่มหรือองค์กรเอกชนที่ทำให้เกอดความรู้สึกกลัว อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวคนไทยบางส่วนเข้าใจบางส่วนก็ไม่เข้าใจ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่ได้รู้สึกใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ และยังเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะกูดในช่วงนี้
“วันนี้ ทราบข่าวจากสื่อว่ารองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเดินทางมาที่เกาะกูดและเข้าไปที่ฐานทหาร และในวันจันทร์จะมีรัฐมนตรีมหาดไทยมาที่เกาะกูดอีก ซึ่งทั้งสองคนเป็นบุคคลสำคัญของรัฐบาล ในฐานะผู้ประกอบการจึงอยากจะขอให้ทั้งสองท่านช่วยสร้างความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับมาสู่นักท่องเที่ยวอีกครั้งว่า การเดินทาบมาเที่ยวที่เกาะกูดปลอดภัย ไม่ใีการยกกำลังทหารมาสู้กันเหมือนที่มีการออกมาเป็นข่าว เพื่อให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นและเดินทางมาเที่ยวเกาะกูดในช่วงปลายปีมากขึ้น เพราะเกาะกูดไม่ได้มีสถานการณ์สู้รบหรือเป็นพื้นที่เสี่ยงแต่อย่างใด”
ด้านนายอรรถพล กลิ่นทับ ผู้จัดการบริษัท บุญศิริเรือเร็ว จำกัด เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะกูดวันนี้มีจำนวนมากกว่าทุกสัปดาห์เนื่องมาจากมีการทอดกฐิน และเป็นช่วงวันหยุดจึงมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าเที่ยวของเขาจึงเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ข่าวเรื่องเกาะกูดยังเป็นเรื่องที่น่าห่วงและอาจจะสร้างความกังวลให้กับนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่กลัวสถานการณ์ความขัดแย้งของ 2 ฝ่าย ว่มจะบานปลายไปในทางที่ไม่ดี จึงไม่กล้าเดินทางเข้ามา ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรที่เกิดขึ้น
นักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่เดินทางมาจากกรุงเทพ กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเกี่ยวกับข่าวสารที่เกิดขึ้นกับเกาะกูด เนื่องจาก มั่นใจว่า อย่างไงเกาะกูดก็เป็นของไทย ไม่ใช่ขอลกัมพูชาแน่ การเดินทางมาเที่ยวเกาะกูด แม้จะไม่ได้มาบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว และเห็นว่าเกาะกูดมีธรรมชาติที่สวยงาม และน้ำทะเลสวยมาก
ด้านยายวัย 68 ปี แม่ค้าขายอาหารหน้าที่ว่าการอำเภอเกาะกูด ชื่อนางบูรณ์ โยธาภิรมย์ มาอยู่อาศัยกับลุงวัย 86 ปี ที่เป็นชาวเกาะกูด กล่าวว่า เกิดที่เกาะกูด และโตที่เกาะกูด มีลูก มีหลานอยู่ในเกาะกูดมาหลายสิบปีแล้ว ยืนยันว่า เกาะกูดเป็นของประเทศไทย ไม่ใช่ของกัมพูชาแน่นอน ข่าวที่ออกมาไม่เป็นเรื่องจริง พื้นที่สวนยางพาราที่ปลูกมาอายุเกือบร้อยปี ซึ่งข่าวที่ออกมาล้วนเป็นข่าวไม่จริงมาจากโชเชี่ยลที่แชร์ข่าวไปมา และสร้างความสับสนวุ่นวายให้กับชาวเกาะกูด การสู้รบก็ไม่มี แต่ไม่รู้เอาภาพอะไรมาลงก็ไม่รู้ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับพวกเราทั้งนั้นเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี