ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ปูพรมค้น 9 จุด ทลายเหมืองขุดบิทคอยน์ดัดแปลงมิเตอร์ลักกระแสไฟฟ้าทำให้รัฐเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. , พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.ศรัณย์ ศรีพักตร์ , พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สว.กก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ภายใต้การอำนวยการของ นายอุดมศักดิ์ เต็มวงษ์ รองผู้ว่าการสายงานปฏิบัติการระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และนายปานทอง ถินสถิตย์ ผู้ช่วยผู้ว่าการปฏิบัติการระบบไฟฟ้า (ปฏิบัติการโครงข่ายระบบไฟฟ้า) ประธานคณะทำงานกำกับดูแล ตรวจสอบ และป้องกันการละเมิดการใช้ไฟฟ้าจากกรณีขุดเหมืองเงินดิจิทัล ร่วมกันตรวจค้นบ้านต้องสงสัยในพื้นที่ อ.เมือ.สุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 9 หลัง ตามหมายค้นของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี
จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย 1.เครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิตอล (บิทคอยน์) ซึ่งกำลังถูกเปิดใช้งานอยู่ขณะเข้าตรวจค้น จำนวน 111 เครื่อง 2.เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ พร้อมจอภาพ จำนวน 7 ชุด 3.อินเตอร์เน็ตเราเตอร์ (Router) จำนวน 10 ชุด 4.เครื่องมิเตอร์ไฟฟ้าซึ่งถูกแก้ไข ดัดแปลง จำนวน 10 เครื่อง พร้อมขออนุมัติศาลออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ได้แก่ 1.นายณัฐพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี 2.นายอาทิตย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”
ก่อนการปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีบ้านต้องสงสัยเป็นอาคารพาณิชย์ 1 หลัง ซึ่งมีชายวัยรุ่นเช่าไว้ โดยไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัย แต่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้บริเวณรอบบ้าน ทำให้สงสัยว่าอาจใช้ในการติดตั้งเครื่องซิมบ๊อก (Sim Box) ที่คนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้สำหรับแปลงสัญญาณโทรศัพท์ไปหลอกลวงผู้เสียหาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.จึงได้ลงพื้นที่ดำเนินการสืบสวนในทุกมิติจนทราบว่าผู้เช่าบ้านดังกล่าว คือ นายณัฐพงษ์ อายุ 30 ปี และทราบว่านายณัฐพงษ์ ยังได้เช่าอาคารพาณิชย์และติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้โดยไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัยในลักษณะเดียวกันอีก 6 แห่ง และยังเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวอีก 2 แห่ง รวมทั้งสิ้น 9 แห่ง จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายณัฐพงษ์ พบว่า มีธุรกรรมที่ต้องสงสัย ในห้วงเดือน ม.ค.66 ถึง ก.ย.67 มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท จึงเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อตรวจสอบการใช้กระแสไฟฟ้าฟ้าของบ้านต้องสงสัย ผลการตรวจสอบพบว่าบ้านดังกล่าวมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่สูงผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือน จึงน่าเชื่อว่ามีการลักลอบดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อลักกระแสไฟฟ้าและนำไปใช้เปิดการทำงานของเครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิตอล (บิทคอยน์) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกหมายค้นบ้านต้องสงสัยทั้ง 9 จุด
ต่อมาวันที่ 7 พ.ย.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยทั้ง 9 จุด ผลการตรวจค้นพบว่าบ้านทั้ง 9 หลัง มีการดัดแปลงพื้นที่เพื่อติดตั้งเครื่องขุดสกุลเงินดิจิตอล (บิทคอยน์) พร้อมระบบระบายความร้อน โดยพบเครื่องขุดสกุลเงินดิจิตอล (บิทคอยน์) ซึ่งกำลังเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าของบ้านแต่ละหลังและถูกเปิดใช้งานอยู่ขณะเข้าตรวจค้น จำนวน 111 เครื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ตรวจสอบโดยละเอียดจึงพบว่าเครื่องมิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านทั้ง 9 หลัง มีร่องรอยแก้ไข ดัดแปลง เพื่อให้วัดค่าปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.และได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับและจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามนายณัฐพงษ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตั้งแต่ประมาณปลายปี 2566 ผู้ต้องหาได้หาเช่าบ้านเพื่อต้องการใช้เป็นสถานที่ติดตั้งเหมืองขุดสกุลเงินดิจิตอล (บิทคอยน์) และได้เริ่มทยอยสั่งซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์มือสองผ่านทางกลุ่มเฟซบุ๊ก แล้วนำมาติดตั้งในบ้านแต่ละหลัง โดยว่าจ้างให้นายอาทิตย์ ทำหน้าที่ดัดแปลงมิเตอร์ไฟ เพื่อทำให้วัดปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องและได้เปิดใช้งานระบบเหมืองขุดสกุลเงินดิจิตอล (บิทคอยน์) ดังกล่าวเรื่อยมาจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น ตรวจยึดและดำเนินคดีในที่สุด
นายอาทิตย์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าได้ทำหน้าที่ดัดแปลงมิเตอร์ของการไฟฟ้าเพื่อให้อ่านค่าได้น้อยกว่าความเป็นจริง และติดตั้งระบบไฟเพื่อใช้งานกับเครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิตอล (บิทคอยน์) โดยได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าจ้างจากนายณัฐพงษ์
จากการตรวจสอบพบมูลค่าความเสียหาย จากการตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟฟ้า พบว่าหากไม่มีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า เครื่องขุดบิทคอยน์ของกลางจำนวน 111 เครื่อง จะต้องเสียค่าไฟเดือนละประมาณ 1 ล้านบาท ทั้งนี้ พบว่าคนร้ายได้ก่อเหตุมาแล้วเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี คาดการณ์ความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี