เปิดละเอียดยิบ!!! พฤติการณ์"ตี่ลี่ฮวงจุ้ย"หมอดูชื่อดังหลอกตุ๋นเหยื่อ"อาม่า"กว่า 65 ล้าน ไร้เงาญาติยื่นประกัน สุดท้ายระเห็จไปนอนเรือนจำ หลังกองปราบหิ้วฝากขังค้านประกัน กลัวหลบหนี
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ได้นำตัว นายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ หรือ อ.อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย อายุ 41 ปี หมอดูซินแสชื่อดัง ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงฟอกเงิน มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า
ก่อนเกิดเหตุ นางแสงเดือน อายุ 77 ปี ผู้เสียหายและประชาชนทั่วไป ได้ดูคลิปรายการที่ผู้ต้องหาไปออกรายการต่างๆ เช่น รายการทูเดย์โชว์ รายการโหนกระแส รายการ Perspective รายการตี่ลี่ ฮวงจุ้ย เป็นต้น ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับศาสตร์ในการดูฮวงจุ้ย ผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นอาจารย์ที่มีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยบ้านพัก โรงงานและสถานประกอบการโดยมีการประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อไว้ ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นทายาทตี่ลี่ ฮวงจุ้ย รุ่นที่ 15 ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในศาสตร์ตื่ลี่ ฮวงจุ้ยจึงเกิดความสนใจและต้องการปรึกษา ต่อมาผู้เสียหายจึงติดต่อไปตามหมายเลขโทรศัพท์ที่มีการประชาสัมพันธ์ไว้ มีผู้รับสายซึ่งได้แสดงตัวเป็นแอดมินของ ตี๋ลี่ ฮวงจุ้ย และให้ติดต่อกับแอดมินผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ แอดมินแจ้งค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างดูฮวงจุ้ยบ้าน ผู้เสียหายตกลงได้โอนเงินไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ต้องหาเป็นค่าจ้างดูฮวงจุ้ย และต่อมาผู้ต้องหาได้มาทำพิธีดูฮวงจุ้ยที่บ้านของผู้เสียหายแล้วผู้ต้องหากล่าวอ้างสร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหาย โดยมีพฤติการณ์แตกต่างกันไปดังนี้
- เรื่องสิ่งของภายในบ้าน ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าเป็นธนูลม (ช่องลมระหว่างคอนโด), หม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ในจุดที่ไม่ดีซึ่งตำแหน่งที่ตั้งดังกล่าวส่งผลให้บิดาของผู้เสียหายป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งทางแก้ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าจะต้องซื้อหินแกะสลักรูปสิงห์,รูปกิเลน และซื้อตี่จูเอี๊ยะมาตั้งภายในบริเวณบ้าน ในจุดต่างๆที่ แจ้งไป เพื่อให้ป้องกันสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามาภายในบ้านทั้งขจัดปัดเป๋าสิ่งที่ไม่ดีออกไป ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหาเป็นค่าหินแกะสลักรูปสิงห์และกิเลนขนส่งจากประเทศจีน และค่าภาษีศุลกากร รวมค่าสินค้า, ค่าขนส่ง และค่าภาษีอากรต่างๆ ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,350,000 บาท
- ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าศาลพระภูมิแบบเดิมที่อยู่ในบ้านของผู้เสียหายเป็นศาลพระภูมิแบบไทยมีผีมาอยู่ จะส่งผลไม่ดีแก่คนในบ้าน หากตั้งศาลพระภูมิแบบจีนจะทำให้กิจการค้าขายดี จึงต้องล้มศาลพระภูมิเดิมแล้วตั้งศาลพระภูมิใหม่รวมทั้งค่าฝังเข็มเงิน-เข็มทอง รวมพิธีไหว้ และเรียกร้องเงินค่าศาลพระภูมิและค่าดำเนินการจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 6,204,000 บาท
- หลอกลวงให้ซื้อที่ดินทำพิธีแซกี หรือเรียกว่าสุสานคนเป็น อ้างว่าถ้าทำแล้วบุคคลในครอบครัวจะมีสุขภาพดีอายุยืน และจะได้รวมบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วมาอยู่ที่เดียวกัน แล้วอ้างว่าจะต้องซื้อที่ดินที่จ.ชลบุรีแล้วต้องสั่งหินมาจากประเทศจีน รวมทั้งมีค่าถมที่ดิน, ค่าแกะสลักหิน ค่าขนส่งหินจากประเทศจีน และ ค่าภาษีศุลกากร เรียกร้องเงินค่าซื้อที่ดิน, ค่าซื้อหิน ฯลฯ จากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมอีกม 45,694496 บาท
- หลอกลวงว่ามีบุคคลทำพิธีนำผงกระดูกผีใส่บ้านผู้เสียหาย ส่งผลให้ผู้เสียหายและครอบครัวเดือดร้อน ต้องทำพิธีนำพระผงกระดูกผีลงมุมบ้านทั้ง 4 ทิศเพื่อป้องกันและแก้ไขพิธีทางไสยศาสตร์ที่มีผู้ทำมา เรียกร้องค่าดำเนินการจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 4,400,000 บาท
- หลอกลวงว่าที่บ้านของผู้เสียหายมีองค์เทพมาอาศัย ต้องบูชารูปปั้นองค์เทพจำนวน 4 องค์ เพื่อให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข เรียกร้องเงินค่ารูปปั้นจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 347,000 บาท
- และหลอกลวงเรื่องค่าใช้จ่ายของส่วนตัวของผู้ต้องหา โดยอ้างว่ารัฐบาลประเทศจีนจะให้ผู้ต้องหาเดินทางไปดูฮวงจุ้ยที่สุสานจิ้นซีฮ่องเต้ ประเทศจีนแล้วรัฐบาลประเทศจีนจะกักตัวผู้ต้องหาไว้ หากไม่ต้องการให้ประเทศจีนกักตัวก็จะต้องนำเงินไปลงทุนเปิดบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ โดยอ้างว่าต้องใช้เงินจำนวน 2,100,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 2,100,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 65,556,996 บาท ต่อมาผู้เสียหายไม่ได้รับสิ่งของตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง เมื่อติดตามทวงถามก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จากพฤติการณ์เห็นว่าผู้ต้องหาหลอกลวงโดยกล่าวอ้างถึงพฤติการณ์ ต่างๆข้างต้น ผู้เสียหายจึงมาร้องทุกข์ และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนโดยตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา พบว่าหลังจากผู้ต้องหาได้รับเงินจากผู้เสียหายแล้วก็โอนเงินไปเข้าบัญชีเงินฝากของบุคคลใกล้ชิดในลักษณะเป็นการยักย้าย ถ่ายเทเงินเพื่อปกปิดหรืออำพราง แหล่งที่มาของเงิน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. ได้สืบสวนสอบสวนและขออนุมัติหมายจับศาลอาญาที่ จ.5404/2567 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และฟอกเงิน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และพ.ร.บ . ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18) มาตรา 5 (1)(2) และมาตรา 60
กระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณบ้านพักย่าน คลองสอง จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเช้าตรู่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.แจ้งข้อหาดำเนินคดี ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ต้องสอบปากคำพยานอีก 40 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์มือ ประวัติอาชญากรผู้ต้องหา รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง และอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 -23 พฤศจิกายนนี้
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูง หากปล่อยชั่วคราวว่า เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมทั้งจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ไม่ปรากฏว่ามีญาติหรือทนายความของนายธนวันต์ ผู้ต้องหามายื่นคำร้องและหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวนายธนวันต์ ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี