"ทนายวิฑูรย์"เผย"บอสพอล"ไม่ติดใจแจ้งความอดีตนักการเมือง ส.ในคลิปเสียง ระบุไม่ใช่รีดไถเงิน เหตุเป็นช่วงเมษายน 66 คุยเรื่องทำพรรคการเมือง ส่วน"ทนายตั้ม" ไม่ใช่การตบทรัพย์ เป็นการทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยให้กับผู้เสียหาย แต่ฝากถึงคนอื่นที่โดน"นักร้องเรียน ก.-อดีตดาราดัง"ทำกับแบบเดียวกับบอสปันขอให้ร้องทุกข์กับตำรวจ
13 พ.ย.67 ที่บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยม บอสพอล ในเรือนจำฯนานกว่า 5 ชั่วโมง ว่าบอสพอลฝากสารถึงสังคมในประเด็นคดีความของดิไอคอนกรุ๊ป ที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ ว่าบรรดาเหล่าบอส ได้มีการประชุมปรึกษากันว่าแท้จริงแล้วปัญหามันเกิดจากสาเหตุอะไร โดยบอสพอลระบุว่า คดีนี้เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงกรกฎาคม ที่ทางบริษัทถูกเรียกตบทรัพย์ และมีการเรียกร้องเงินครั้งแรก
โดยเริ่มจากนักร้องเรียน ก.โทรศัพท์มาพูดคุยว่า มีผู้เสียหาย 83 คน ยอดความเสียหายอยู่ที่จำนวน 15 ล้านบาท มาขอให้ทำเรื่องร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน และ สคบ.จึงทำให้"บอสพอล"กลัวบริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงยอมเจรจากับกลุ่มผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม และจ่ายเงินจำนวน 8.3 ล้านบาท แบ่งเป็นจ่ายให้ผู้เสียหาย 7 ล้านกว่า และจ่ายค่าดำเนินการให้นักร้องเรียน ก.จำนวน 4.5 แสนบาท โอนเข้าบริษัท 3 แสนบาท ให้เงินสด และได้มีการตกลงว่าจ่ายแล้วขอให้จบ และรักษาไว้เป็นความลับไม่ให้ไปแพร่งพรายบอกใคร เพราะสิ่งที่บริษัทกลัวมากที่สุดคือจะมีการไปบอกกับกลุ่มผู้เสียหายหรือคนอื่นๆจะมาเรียกร้องกับทางบริษัทอีก
ทั้งนี้ กลุ่มคนเหล่านี้ได้สินค้าไปไม่รู้แน่ชัดว่าขายสินค้าไม่ได้จริงหรือไม่ได้ขาย แต่ปรากฏว่ากลุ่มคนเหล่านี้ที่ได้รับเงินไปกลับนำข้อมูลไปแพร่ในเพจผี หรือ เพจอวตาร มีการโจมตีบริษัทดีไอคอนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายวิฑูรย์ บอกด้วยว่า ต่อมาเริ่มมีพฤติกรรมเลียนแบบ โดยหลายคนที่เปิดบิลกับทางบริษัทไป ทั้งกลุ่มที่ขายสินค้าไม่ได้หรือไม่ได้ขายสินค้าได้วิ่งเข้าหานักร้องเรียน ก.และทนายแอดเวนเจอร์ เพื่อมาเรียกร้องความเสียหายกับทางบริษัท ทำให้เหตุการณ์บานปลาย จนกระทั่งผ่านมาในเดือนกันยายน จนถึงเดือนตุลาคม ได้มีการรวบรวมกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นกลุ่มผู้เสียหายเพิ่มมากยิ่งขึ้น จนมาออกรายการโหนกระแส พอทางบริษัทเริ่มไม่จ่ายเงินให้ จึงทำให้ปัญหาเริ่มสะสมและก่อตัวขึ้นมา โดยเป็นที่มาของคลิปเสียง 2 คลิปที่ถูกเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้และยังมีการปล่อยข่าวปลอมว่าสินค้าของดิไอคอน ไม่มี อย.รับรอง และไม่มีสินค้าจริงอยู่ในโกดัง
สำหรับประเด็นเรื่องคลิปเสียงตบทรัพย์ 20 ล้านบาทนั้น แม้ว่าบอสพอลจะไม่ได้ไปพูดคุยกับนักร้องเรียน ก. แต่มีตัวแทนซึ่งเป็นคุณใหญ่กับคุณเนม ซึ่งเป็นเลขาฯ ของบอสพอล เมื่อไปถึงได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกัน เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เวลา 23.00 น. มีการโทรศัพท์หา"อดีตดาราดัง"ช่วงเที่ยงคืน เนื้อหาสาระตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ เรื่องการเขียนสคริปต์ที่จะไปออกรายการโหนกระแส และมีการอ้างกับบอสปันว่าจะทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้นจะพาผู้เสียหายมาร้องที่ สคบ.เพื่อเบี่ยงคดี ซึ่งบอสปันก็ขอพูดคุยกับพี่หนุ่มกรรชัย แต่อดีตดาราดัง กลับบอกว่าคุณหนุ่มกรรชัยค่อนข้างระวังตัว และตนเข้าใจว่าพี่หนุ่มกรรชัย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดนแอบอ้างจริง
นายวิฑูรย์ ยังบอกด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในคดีดิไอคอนกรุ๊ป เกิดจากกลุ่มคนที่ขายของไม่ได้ แล้วไปหากลุ่มทนาย เพราะเขาอยากได้เงิน เหมือนกับคนที่ได้เงินไปก่อนหน้านี้ในช่วงแรก แต่พอไม่จ่ายกลับมีการแจ้งความดำเนินคดี จนนำมาสู่การจับกุมบรรดาเหล่าบอสเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา กระแสสังคมในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ชี้นำกระบวนการยุติธรรมพอสมควร จนทำมาสู่การจับกุม จนกระทั่งวันนี้เรายังไม่ทราบข้อเท็จจริงเลยว่าเราโกงพวกเขาอย่างไร มีการฉ้อโกงตัวแทนอย่างไรเกิดขึ้น เท่าที่เห็นจะมีประเด็นหลงเชื่อและซื้อสินค้านำมาขาย แต่ทุกครั้งที่คุณสั่งซื้อสินค้า คุณก็จะได้สินค้าทุกครั้งที่ซื้อของไป ส่วนเรื่องการขาย คุณขายสินค้าไม่ได้หรือคุณไม่ได้ขาย ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ควรจะเป็นทางแพ่งไม่ใช่ทางอาญา แต่เมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้ว
นอกจากนี้ บอสพอล ยังบอกอีกว่า พฤติกรรมของนักร้องเรียน ก.และอดีตดาราดังที่ทำเหมือนจะหวังดี มีผู้เสียหาย และยังบอกอีกว่าดิไอคอน กรุ๊ป ไม่ใช่ที่แรกที่ถูกนักร้องเรียน ก.ทำพฤติกรรมแบบนี้ เพราะฉะนั้นใครที่เคยโดนเหมือนกัน ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ
และบอกอีกว่า ก่อนที่บอสพอลจะโดนจับได้มีโอกาสพูดชี้แจง แต่ด้วยกระแสสังคมที่กดดัน จึงพูดไม่ได้เต็มที่ แต่บอสคนอื่นไม่มีโอกาสได้พูดหรือชี้แจงในฝั่งของดิไอคอน กรุ๊ป เลย จึงอยากขอให้สังคมให้โอกาสเปิดใจ เหล่าบอสก็พร้อมจะไปออกทุกรายการและชี้แจงให้สังคมเข้าใจอีกมุมนึง เพราะตอนนี้ในเกมของสื่อมวลชนทางเราแพ้ แต่ในเกมของกระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุดเลยว่าเราแพ้หรือชนะ
ส่วนหนึ่งทำให้เป็นคดีขึ้นมา เพราะเป็นการปั่นพยานเท็จของนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือเอก สายไหมต้องรอด ที่พยานให้ข้อมูลกับตำรวจเรื่องเงินคริปโต กว่า 8 พันล้าน และมีการจ่ายถึงเงินให้กับเทวดา พร้อมพยายามโยงไปกับนักการเมือง แต่สุดท้ายก็ไม่ชัดเจน มีการจ่ายสินบนให้กับหน่วยงานใด และช่วงนั้นข่าวเล่นแรงมาก ตนจึงอยากถามว่าจะรับผิดชอบชีวิตของบอสและหน่วยงานที่ถูกกล่าวอ้างยังไงในประเด็นที่ถูกปั้นพยานเท็จมา
ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า คดีของดิไอคอน กรุ๊ป เกิดจากกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์แล้วมาเล่นงานบริษัท ส่วนที่มีผู้ต้องหาเค้าแจ้งความจำนวนมากส่วนหนึ่งก็มองว่าเป็นเพราะผู้เสียหายอุปทานหมู่พอเห็นข่าวแล้ว เห็นว่าตัวเองก็เคยซื้อของกับดิไอคอน กรุ๊ป ก็อาจเกิดข้อสงสัยและเข้าใจว่า ตัวเองเป็นผู้เสียหาย อย่างสมาชิกทั้งหมดของ ดิไอคอน กรุ๊ป มีมากกว่า 300,000 คน แต่พบว่ายอดการแจ้งความมีประมาณกว่า 10,000 คน ยังไม่ถึง 2% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดด้วยซ้ำ ส่วนที่คนสงสัยว่าหากหลักฐานแน่จริงตำรวจก็คงไม่ออกหมายจับนั้น ทนายวิฑูรย์ มองว่า บางคดีถูกหมายจับไปแล้วท้ายที่สุดศาลก็ยกฟ้อง
ส่วนเรื่องการจ้างทำพีอาร์ได้สอบถามบอสพอลแล้ว ยืนยันว่าทางดิไอคอนกรุ๊ปมีการจ้างทำการตลาดรวมถึงทำโฆษณากับบริษัทอื่น ซึ่งไม่เคยจ้างงานนักร้องเรียน ก.และอดีตดาราดัง อย่างแน่นอน โดยเรื่องคลิปเสียงหลังจากนี้ก็พร้อมจะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม โดยจะดำเนินคดีกับทั้งสองคนในข้อหาพยายามฉ้อโกง ส่วนเรื่องการต่อสู้คดีในข้อเท็จจริงเรื่องของพยานหลักฐานมั่นใจว่า จะชนะคดีแต่การที่ฝั่งของตัวเองถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ ทำให้การทำงานยากลำบากกว่าจะไปพูดคุยกับผู้ต้องหาแล้วไปรวบรวมพยานหลักฐาน
ส่วนที่บอสพอลพูดถึงเรื่องเทวดาในรายการดังนั้น ทนายวิฑรูย์ บอกว่า อาจจะเป็นการตีความเป็นเทวดาจริงๆ ไม่ได้หมายถึงบุคคล แต่สังคมอาจจะเข้าใจผิดไปเอง
สำหรับคลิปเสียงโยงอดีตนักการเมือง ส.นั้น ทนายวิฑรูย์ บอกว่า ในส่วนนี้ไม่ได้ไปแจ้งความเพราะจากการสอบถามข้อเท็จจริงคลิปเต็มเกิดขึ้นตั้งแต่เมษายน 2566 เป็นช่วงที่จะมีการทำพรรคการเมือง และพูดคุยเรื่องค่าตอบแทนกัน ไม่ใช่การรีดไถเงิน
ส่วนทนายตั้ม ที่เคยมีประเด็นเรียกรับเงินก่อนหน้านี้ ก็ไม่ชัดเจนว่าเป็นการตบทรัพย์ เพราะเกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้ต้องหาเข้าแจ้งความแล้ว ถือว่าทำหน้าที่เจรจาไกล่เกลี่ยให้ผู้เสียหาย เมื่อถามว่าบอสพอลได้เจอกับทนายตั้มในเรือนจำหรือไม่ ทนายวิฑูรย์บอกว่าไม่ได้สอบถามเรื่องนี้แต่เชื่อว่าน่าจะเจอกันบ้างในช่วงกินข้าว
เมื่อถามว่าหลังจากนี้ จะมีความแจ้งความ ดำเนินคดีใครเพิ่มเติมหรือไม่ ทนายวิฑูรย์ บอกว่า แค่นี้ก็หัวหมุนไปหมดแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี