คำสั่งให้ออกราชการชอบแล้ว
‘บิ๊กโจ๊ก’อดกลับตร.
มติศาลปกครองสูงสุดชี้ขาด
ยกคำร้องการขอคืนถิ่น
ปิดตำนาน‘แมว 9 ชีวิต’
วืดคัมแบ๊ก! มติศาลปกครองสูงสุด สั่งยกคำร้องคดี“บิ๊กโจ๊ก”หลังอดีตรองผบ.ตร.ยื่นฟ้องกรณีคำสั่งสตช.ให้ออกจากราชการไว้ก่อนกรณีถูกกล่าวหาว่าพัวพันเว็บพนันออนไลน์ ชี้คำสั่งให้ออกราชการชอบแล้ว ส่งผลให้“บิ๊กโจ๊ก”ไม่สามารถกลับรับตำแหน่งรองผบ.ตร.ที่ประชุมใหญ่ ตุลาการศาลปกครองสูงสุดยังไม่เปิดเผยผลชี้ขาดคดี‘บิ๊กโจ๊ก’ให้รอเจ้าของสำนวนนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาเป็นทางการ
ความคืบหน้าจากกรณีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.)ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด กรณีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนว่า เป็นคำสั่งที่ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” หลังจากได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ(ก.พ.ค.ตร.) แล้วคณะกรรมการ ก.พ.ค.ตร.มีมติยกคำร้องอุทธรณ์ ดยเป็นการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด ตามสิทธิทางกฎหมาย
ต่อมา คณะอนุกรรมการศาลปกครองสูงสุดมีความเห็นว่าคำสั่งดังกล่าว”ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”เห็นควรเยียวยาตามคำร้องของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ผู้ร้อง ซึ่งได้ระบุให้เยียวยาด้วยการกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิม
จนกระทั่ง ประธานศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้นำคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร.ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.),นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา เข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดในวันนี้นี้ (13 พ.ย.)
ที่ศาลปกครองกลาง ถนนเเจ้งวัฒนะ ตั้งแต่เวลา 09.30น. นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยมีรายงานว่า จะมีการนำประเด็นข้อกฎหมายในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.), นายกรัฐมนตรีเป็น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา เข้าพิจารณา
ปรากฏว่าตั้งแต่เช้ามีสื่อมวลชนมาติดตาม ผลการประชุมจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ศาลปกครองเปิดเผยว่าการประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมใหญ่ของตุลาการศาลปกครองสูงสุดและเป็นการประชุมภายใน มีตุลาการศาลปกครองสูงสุด เข้าร่วม 40-50 คน โดยวาระที่จะพิจารณาในวันนี้ มี 4-5 วาระ เป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์เบื้องต้นซึ่งเจ้าตัว เปิดเผยว่าติดภารกิจทำบุญอยู่ต่างจังหวัด ไม่สะดวกให้ข้อมูลทราบแต่เพียงว่าวันนี้ศาลปกครองสูงสุดจะประชุมเพียงเท่านั้นส่วนรายละเอียดตนไม่ทราบข้อมูล
มีรายงานว่า ในการพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายดังกล่าว องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวนได้สรุปสำนวนคดีและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมได้มีการเปิดให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดแต่ละคนได้การอภิปรายแสดงความคิดเห็นก่อนที่จะมีการลงมติชี้ขาดและให้องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวนเขียนคำพิพากษาต่อไป
ภายหลังการประชุมตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่เข้าร่วมการประชุม ส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธที่จะเปิดเผยผลการประชุมโดยให้เหตุผลว่าการประชุมเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ ต้องรอให้องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวน ดำเนินการออกเป็นคำสั่ง หรือคำพิพากษาต่อคู่กรณีที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวเท่านั้น
ล่าสุด องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวนยังไม่ได้นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก และสั่งนัดอ่านคำพิพากษาในคดีนี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าศาลปกครองสูงสุดได้มีมติยกคำร้องคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ โดยชี้ว่า คำสั่งให้ออกราชการนั้นชอบแล้ว ส่งผลให้พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ยังไม่สามารถกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งรอง ผบ.ตร.เหมือนเดิมได้
ตลอดทั้งมีรายงานข่าวออกมาทั้ง2ทาง โดยทางหนึ่งมีกระแสข่าวว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งคุ้มครองฯ และบางรายงานข่าวก็ระบุว่าศาลปกครองสูงสุด มีมติยกคำร้องของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ซึ่งทำให้เกิดความสับสนว่าผลการพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นอย่างไร
วันเดียวกันมีรายงานว่า สำนักงานศาลปกครองได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการตรวจสอบสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่มีการนำเสนอข่าวคดีดังกล่าว เป็นการหมิ่นและละเมิดอำนาจศาลเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหระบคดีนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ฟ้องสรุปว่า เดิมผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งรอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178/2567 ลงวันที่ 18เม.ย. 2567 ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน กรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน กรณีมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNKMASTER จนถูกดำเนินคดีอาญาและถูกศาลอาญาออกหมายจับ ในความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2ได้มีหนังสือ ที่ ตช 0083(อธ)/933 วันที่ 5 ส.ค. 2567 เรื่อง แจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ เรื่องดำที่ อธ. 100/2567 เรื่องแดงที่ อธ. 33/2567 โดยมีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์และยกคำขอวิธีการชั่วคราวฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี