‘ปคม.’เปิดปฏิบัติการsave กระรอกน้อย รวบ 3 ผู้ต้องหาซื้อเด็กจากเมียนมา-ทำนิติกรรมอำพราง ลอบพาหนีเข้าไทย บังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาส ไม่พอใจทุบตี จนเด็กหนีออกจากบ้าน
14 พฤศจิกายน 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ , พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ชลบุรี นำโดย น.ส.จันจิรา ไทยบัณฑิตย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี , น.ส.อลิสรา ใจเพชร นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ , สำนักงานแรงงานจังหวัดชลบุรี นำโดยนายเฉลิมพล เนียมสกุล แรงงานจังหวัดชลบุรี , นายนราธิป สุทธิธรรม นักวิชาการแรงงานปฏิบัติการ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ประกอบด้วย 1.น.ส.พรทิพย์ อายุ 65 ปี 2.นายสมาน อายุ 50 ปี และ 3.น.ส.นาว ทา ทา ยี่ สัญชาติเมียนมา
ทั้ง 3 ราย มีหมายจับในความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยเป็นธุระจัดหา พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ตกลงกันไว้, ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยเป็นธุระจัดหา พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี”
พฤติการณ์ ตามที่ได้ปรากฏในภาพข่าว “สะเทือนใจ เด็กหญิง 8 ขวบ ถูกแม่ตี-ไล่ออกจากบ้านหอบตุ๊กตาคู่ใจนอนตากยุงในสุสานเพียงลำพัง” เมื่อวันที่ 10 ก.พ.67 ซึ่ง พมจ.ชลบุรี ไปรับตัวเด็กหญิงเอคนดังกล่าวไปคุ้มครองสวัสดิภาพไว้ และจากการซักถามเบื้องต้นเชื่อว่าเด็กหญิงเอ เป็นบุคคลต่างด้าว แต่ไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆกับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากความบอบช้ำทางร่างกาย จิตใจ โดยมีการตรวจพบบาดแผลคล้ายถูกตีด้วยของแข็งไม่มีคมบริเวณเล็บมือ นิ้วมือ และแขนขา ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าอาจเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
จนกระทั่งการคุ้มครองสวัสดิภาพเริ่มฟื้นฟู ร่างกาย จิตใจ เด็กหญิงเอ เริ่มให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ ทางสหวิชาชีพ ร่วมกันสัมภาษณ์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ พบว่า เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยถูกแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน และทราบว่าเด็กหญิงเอ เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ต่อมานักสังคมสงเคราะห์ พมจ.ชลบุรี ได้พาตัวเด็กหญิงเอ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีนี้
จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม.ทราบว่า น.ส.นาว ทา ทา ยี่ ผู้ถูกจับที่ 3 เป็นผู้ที่เป็นธุระจัดหา ซื้อ เด็กหญิงเอ มาจากบิดามารดาของเด็กหญิงเอ โดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นแก่บิดามารดาของเด็กหญิงเอ เพื่อให้ได้รับความยินยอมในการนำพาเด็กหญิงเอ มาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมา โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ.65 มีการจัดทำหนังสือ น.ส.นาว ทา ทา ยี่ ผู้ถูกจับที่ 3 รับเด็กหญิงเอ เป็นบุตรบุญธรรมเป็นนิติกรรมอำพราง
จากนั้นใช้ให้บุคคลอื่นนำพา เด็กหญิงเอ ผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาในประเทศไทยที่ จ.ตาก โดยผิดกฎหมาย แล้วส่งตัวมายังบ้านพักของนายสมาน และ น.ส.นาว ทา ทา ยี่ ที่ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และร่วมกันให้เด็กหญิงเอ ซึ่งเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพักอาศัยอยู่ที่บ้านดังกล่าวเพื่อให้พ้นการจับกุมก่อน
จากนั้นทั้งคู่ส่งตัวเด็กหญิงเอ ไปยังบ้านพักของ น.ส.พรทิพย์ ใน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เพื่อให้ทำงานบ้านทำความสะอาด หุงข้าวเลี้ยงสุนัข หรือบริการร่วมกับ น.ส.พอดี สัญชาติเมียนมา แต่จากการตรวจสอบข้อมูลระบบการแจ้งการทำงานของต่างด้าว สำนักงานจัดหางานจังหวัดชลบุรี ไม่พบว่า น.ส.พรทิพย์ เคยแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวแต่อย่างใด
น.ส.พรทิพย์ มีการทำโทษ ทำให้เด็กหญิงเอ กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ , ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ , ใช้กำลังประทุษร้าย โดยการใช้ไม้ตี การนำตัวมาขังไว้ในห้องภายในบ้านโดยไม่ให้รับประทานอาหารเมื่อทำความผิด และไม่ให้เด็กหญิงเอ เดินทางกลับบ้านโดยนำเหตุว่ามารดาของเด็กหญิงเอ ต้องนำเงินมาคืนก่อน ซึ่งการกระทำดังกล่าวต่อเด็กหญิงเอ ขณะเกิดเหตุอายุประมาณ 10–11 ปี ซึ่งเป็นผู้เยาว์ เป็นบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา ซึ่งถูกลักลอบนำพาเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย และไม่มีที่พึ่งที่อื่นใด เป็นการทำให้เด็กหญิงเอ สัญชาติเมียนมา อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และจำต้องทำงาน จนกระทั่งมีการหลบหนีออกมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายค้นบ้านของ น.ส.พรทิพย์ ใน อ.เมืองชลบุรี และได้ช่วยเหลือเด็กหญิงอีกคนหนึ่งชื่อเด็กหญิงบี ซึ่งได้ทำงานอยู่ในบ้านดังกล่าวออกมาคุ้มครองสวัสดิภาพ และเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์โดยการบังคับแรงงานเช่นกัน โดยได้ตรวจยึดพยานหลักฐานสำคัญเป็นเมมโมรี่จากกล้องวงจรปิด ซึ่งบันทึกภาพว่ามีเด็กหญิงซี อีกคนหนึ่งเป็นแรงงานที่ทำงานอยู่ในบ้าน แต่หลบหนีไป ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะเข้าตรวจค้น และบันทึกภาพ น.ส.พรทิพย์ กำลังขู่ตะคอกเด็กหญิงบี และเด็กหญิงซี เมื่อทำงานผิดพลาด ภาพขณะที่ น.ส.พรทิพย์ ทุบตีทำร้ายร่างกายเด็กหญิงซี
พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับผู้ถูกจับทั้ง 3 ดังกล่าวข้างต้น ตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น และต่อมาได้ร่วมกันจับกุมตัวมาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม.เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย จากกรณีดังกล่าว ตำรวจสอบสวนกลางมีความห่วงใยเด็กผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์เพราะนอกจากความเสียหายทางร่างกายที่เกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้แล้ว ยังมีความเสียหายทางจิตใจที่จะฝังรากลึกและเป็นผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในอนาคต
นายจ้างที่มีพฤติการณ์ข่มขืนใจให้ลูกจ้างทำงานหรือให้บริการโดยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
1. ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน
2. ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ
3. ใช้กำลังประทุษร้าย
4. ยึดเอกสารสำคัญประจำตัวของบุคคลนั้นไว้
5. นำภาระหนี้ของบุคคลนั้นหรือของบุคคลอื่นมาเป็นสิ่งผูกมัดโดยมิชอบ
6. กระทำอย่างอื่นใดอันมีลักษณะคล้ายคลึ่งกับการกระทำดังกล่าวข้างต้น ถ้าได้กระทำให้ผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
อาจเข้าข่ายมีความผิดฐาน ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ มีโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบสองปีและปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หากประชาชนมีเบาะแสการบังคับแรงงาน หรือได้รับความเดือนร้อน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์โทร สายด่วน 1191 หรือเพจเฟซบุ๊ก กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ “เป็นมืออาชีพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย คืนคุณค่าความเป็นคน ประชาชนได้พึ่งพา”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี