ปส.แถลงทลายแก๊งยาเสพติด ยึด‘ยาบ้า’ล็อตใหญ่ 41 ล้านเม็ด อายัดทรัพย์แตะ 270 ล้าน
14 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.สำราญ นวลมา และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.ปส. รรท.ผบช.ปส. , พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.ปส. , ผบก.ปส.1 – 4 , ผบก.สกส. และ ผบก.ขส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางยาบ้า 41 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์ 270 ล้านบาท
คดีที่ 1 ยาบ้า 9,000,000 เม็ด และ ไอซ์ 17 กก. ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 นำกำลังเข้าสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดของเครือข่าย ซึ่งมีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่แนวชายแดน ด้าน อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ เพื่อนำไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ตอนในของประเทศ พบรถกระบะ 2 คัน ผ่านเทศบาลตำบลทุ่งข้าวพวง ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ และพบว่าบริเวณท้ายกระบะมีสิ่งของบรรทุกอยู่เต็มคัน รถแบบผิดปกติ คลุมด้วยผ้าพลาสติกสีเขียว
ตำรวจจึงนำรถยนต์ปิดกั้นเส้นทางบริเวณถนนหมายเลข 1178 หน้ากองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 335 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ ต่อเนื่องบริเวณริมถนนชนบท ชม.3024 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ และบริเวณริมถนนหมายเลข 1249 ก่อนถึงจุดตรวจสามแยกดอยอ่างขาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ พร้อมส่งสัญญาณให้หยุดรถ เพื่อแสดงตัวขอตรวจค้น รถกระบะติดโครงเหล็กทั้ง 2 คัน พบคนขับ และผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 3 คน ตรวจค้นพบยาบ้า 8,999,800 เม็ด และ ไอซ์ 17 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในท้ายกระบะรถยนต์ จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 ยาบ้า 5,000,000 เม็ด ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 ร่วมกับ ตำรวจ บก.ขส. และ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหาร ร่วมกันสืบสวนเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนด้าน จว.หนองคาย เข้าสู่พื้นที่ตอนใน พบความเคลื่อนไหวของรถในเครือข่ายซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลัง ขับขี่อยู่บนถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าพื้นที่ตอนใน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตาม เพื่อสกัดกั้นรถคันดังกล่าว
เมื่อรถขับไปถึงบริเวณ หมู่ที่ 3 ต.โพธิ์สาม อ.บางปะหัน จว.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นทางโค้งประกอบกับไม่มีไฟทาง ทำให้รถยนต์คันกล่าวเสียหลักพลิกคว่ำตกลงไปบริเวณไหล่ทางก่อนที่ตำรวจจะเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน จากการตรวจค้นรถพบยาบ้า 5,034,000เม็ดบรรจุในกระเป๋าซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ด้วยการทำทีว่าเป็นรถส่งน้ำแข็งเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 3 ยาบ้า 8,000,000 เม็ด สืบเนื่องจากตำรวจ กก.2 บก.สกส. ได้เฝ้าติดตามสืบสวนกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของ นายชัดเจน กับพวกพบว่า มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย นำมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ปริมณฑล กระทั่งวันที่ 10 พ.ย.67 เวลาประมาณ 22.50 น. พบเคลื่อนไหวของเครือข่าย ใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน ผน 50xx เชียงราย, ยค 96xx เชียงใหม่ และ 1ฒฉ 5xx กรุงเทพมหานคร ขับขี่ในลักษณะคาราวาน และใช้เส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจ ผ่าน จว.เชียงราย,พะเยา,ลำปาง,แพร่,สุโขทัย,พิจิตร มุ่งหน้าพื้นที่ จว.นครสวรรค์
จนเมื่อใกล้ถึงด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ รถหมายเลขทะเบียน 1ฒฉ 5xx กรุงเทพมหานคร ได้เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน ปตท. เขาเขียว ถ.พหลโยธิน ต.นครสวรรค์ออก อ.เมืองนครสวรรค์ จว.นครสวรรค์ กำลังตำรวจจึงเข้าตรวจสอบทันที พบนายสุพจน์ เป็นคนขับรถ ตรวจสอบภายในรถพบกระสอบต้องสงสัย 32 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้าจำนวน 8,000,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนภายในท้ายกระบะแครี่บอย และภายในห้องโดยสารด้านหน้าของรถ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 ชุด สามารถจับกุม นายบำรุงศักดิ์ ได้ภายในปั้ม ปตท.เขาทอง ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ ซึ่งทำหน้าที่ขับรถนำทางและคุ้มกันรถลำเลียงยาเสพติด และ นายชัดเจน จับกุมได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี หลังขับรถหมายเลขทะเบียน ผน 50xx เชียงราย ทำหน้าที่สำรวจเส้นทาง ก่อนจะคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 4 ยาบ้า 2,500,000 เม็ด จากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ กก.3 บก.สกส. พบว่ามีเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ ด้าน อ.เชียงแสน เพื่อส่งให้ลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ภาคกลาง และปริมณฑล จำนวนมาก โดยจะใช้รถยนต์ 2 คัน ในการลำเลียง ใช้เส้นทางจากพื้นที่ชายแดน อ.เชียงแสน จว.เชียงราย - จว.พะเยา - จว.แพร่ - จว.สุโขทัย
วันที่ 8 พ.ย.67 พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มรถยนต์ดังกล่าว ขับเข้าไปจอดภายในหนองบัวรีสอร์ท ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จว.เชียงราย ชุดจับกุมจึงเข้าตรวจสอบ และตรวจค้นรถยนต์ทั้งสองคัน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 คน ทำหน้าที่ขับรถนำทาง ส่วนอีก 2 คนที่ขับรถยนต์ซุกซ่อนยาเสพติด อาศัยความมืดหลบหนีไปได้ ผลการตรวจค้นรถพบยาบ้า 1,299 มัด รวมประมาณ 2,598,000 เม็ด วางอยู่ภายในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ และที่เก็บสัมภาระท้ายรถยนต์ และอยู่ระหว่างการประสานหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ต่อไป
คดีที่ 5 ยาบ้า 2,1000,000 เม็ด สืบเนื่องเมื่อวันที่ 15 ก.ย.67 ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางไอซ์ 2 กก. ก่อนจะขยายผลจับกุมบุคคลในเครือข่ายเพิ่ม 3 คน พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด และ ไอซ์ 191 กก. ในพื้นที่ บก.น.9 จากนั้น ตำรวจ บก.ขส.และ กก.4 บก.สกส. ได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมจนทราบว่ายังมีกลุ่มบุคคลในเครือข่ายนี้ พยายามลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่กรุงเทพฯ ลงไปส่งในพื้นที่ จว.นครศรีธรรมราช อีกโดยใช้บริษัทขนส่งเอกชน ในพื้นที่แสมดำ เขตบางขุนเทียน ในการลำเลียง
ตำรวจจึงจัดชุดเฝ้าติดตามจนสามารถตรวจยึดยาบ้า 1,200,000 เม็ด เมื่อวันที่ 26 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ก่อนจะสืบสวนขยายผล จนสามารถจับกุม 3 ผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่รับยาเสพติดของกลาง ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จว.นครศรีธรรมราช และควบคุมตัวไปตรวจค้นบ้านเช่า พบยาบ้าอีก 900,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.พรหมคีรี จว.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นหนึ่งในบ้านเช่าของผู้ต้องหา ก่อนจะนำตัวทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายและ ยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป
สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 – 13 พ.ย.67 สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 125 คดี ผู้ต้องหา 141 คน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 41,612,422 เม็ด, ไอซ์ 1,704 กก., เฮโรอีน 28 กก., คีตามีน 190 กก. และ ยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 264,096,353 ล้านบา
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายนายกรัฐมนตรี ประกาศเมื่อ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา เน้นไปที่การปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไป ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการอย่างเป็นระยะ ในรอบเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นมามีการจับกุมได้รวม 5 คดีและวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา สามารถจับกุมได้มากถึง 9 ล้านเม็ด โดยทั้ง 5 คดี ยืนยัน ลักลอบมาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งสิ้น
ส่วนที่ว่ามีการจับกุมเยอะแสดงว่าแพร่ระบาดมีเยอะด้วยหรือไม่นั้น ส่วนนี้ อยากให้เปลี่ยนความคิดที่ว่าถ้าจับมากแสดงว่ามันเยอะขึ้น แต่อยากให้มองว่า ยาเสพติดนั้น วงจรของมันคือการลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งพื้นที่ที่ติดแนวชายแดนเป็นระยะทางยาว มีช่องทางธรรมชาติจำนวนมาก การลักลอบนั้น ผู้ผลิตนอกประเทศมีความพยายามจะใช้ประเทศไทยเป็นที่พัก หรือเป็นที่ผ่านอยู่แล้ว แต่เมื่อมีข้อมูลด้านการข่าว ตำรวจก็ต้องมีการประสานงานบูรณาการเพื่อปราบปรามจับกุม แต่หากหลุดรอดมาได้ ก็ต้องมีการสกัดจับทุกช่องทาง ทั้งทางน้ำ ทางอากาศทางบก มีการประสานงานกันตามยุทธวิธีทุกกระบวนการ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ออกมาประกาศสงครามกับยาเสพติดขณะลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ว่า ที่ผ่านมาตำรวจได้ระดมกำลังกวาดล้างยาเสพติดซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ส่วนคำพูดของนายทักษิณจะเป็นการส่งสัญญาณหรือส่งนัยยะหรือไม่ส่วนตัวไม่ขอวิเคราะห์หรือวิจารณ์ เพราะเป็นคำพูดบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพียงเท่านั้น ตำรวจจะขอปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อป้องกันปราบปรามตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงนโยบายที่ตัวเองเคยประกาศไว้ภายใต้หลักคิด ยาเสพติดต้องหมดไป
ส่วนกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากพบยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดใด ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนั้น ๆ จะต้องถูกลงโทษ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตำรวจมีตัวชี้วัดคือผลงานการจับกุมยาเสพติดและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง กว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลการปฏิบัติการดังกล่าวถือว่ามีผลสัมฤทธิ์และประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนรู้เห็นหรือเรียกรับผลประโยชน์ก็จะดำเนินการทางวินัยและทางปกครองตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการจับกุมได้มากไม่ได้หมายถึงการที่ประเทศไทยมีฐานการผลิต แต่ยาเสพติดดังกล่าวเป็นยาเสพติดที่พบถูกลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่ง ที่ผ่านมาตำรวจได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อให้ทำการสกัดกั้นทุกช่องทางตามยุทธวิธี และเร็ว ๆ นี้ ตำรวจจะเปิดปฏิบัติการทลายผู้ค้ารายย่อย ซึ่งแฝงตัวอยู่ตามชุมชนหมู่บ้านต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี