ผอ.สคบ.โชว์ตุ๊กตาเด็กสวมชุดกระต่าย 2 ตัว ให้ผู้สื่อข่าวตรวจสอบ ความบริสุทธิ์ หวั่นถูกแอบอ้างโยงยัดเงินสคบ.  ยันอ้างรัฐมนตรีน้ำให้คุมสคบ.เป็นไปไม่ได้ เพราะผู้ที่จะเข้ามาคุม สคบ. ต้องมีวุฒิภาวะและคุณสมบัติเพียงพอ โต้ไม่รู้จัก"กฤษอนงค์" เป็นการส่วนตัว เจอแค่ 10 ต.ค. วันพาผู้เสียหายมาร้องตรวจสอบ"ดิไอคอน"

15 พ.ย. 67 นายจิติภัทร์ บุญสม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงปริศนาของผู้หญิงคนหนึ่ง เสียงคล้ายกฤษอนงค์ สนทนากับนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป โดยเนื้อหาในบทสนทนาผู้หญิงคนดังกล่าวบอกว่า กำลังจะเข้าไปมีตำแหน่งสำคัญมีอำนาจเบ็ดเสร็จในสคบ. โดยแอบอ้างชื่อ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีน้ำนั้น ตนมองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะการที่จะให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเข้ามากำกับดูแลในสคบ. ก็จะต้องมีคุณสมบัติวุฒิภาวะเพียงพอในการกำกับดูแล และเข้ามาเป็นคณะกรรมการคณะทำงาน เนื่องจาก สคบ.เป็นหน่วยงานราชการ

นายจิติภัทร์ ยืนยันว่า ไม่ได้มีความรู้จักกันเป็นส่วนตัวกับกฤษณ์อนงค์ แต่ได้ยินชื่อมานาน ตั้งแต่ตนเริ่มเข้ามาดำรงตำแหน่ง และไม่เคยเจอกันตัวเป็นๆ เพิ่งมาเจอกันเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยกฤษณ์อนงค์ได้มายื่นข้อร้องเรียนของ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด จนเกิดผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก โดยในวันดังกล่าวกฤษอนงค์ได้พากลุ่มผู้เสียหายมายื่นคำร้องต่อสคบ. เพื่อให้มีการตรวจสอบการดำเนินการของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งตนได้รับมอบอำนาจจากรักษาราชการแทนเลขาธิการ สคบ. สั่งการให้ตนเป็นผู้มารับเรื่องราวร้องทุกข์ที่ศูนย์ 116 และจากการตรวจสอบเอกสารที่นำมาร้องเรียน กลับไม่พบรายชื่อของผู้เสียหาย มีเพียงสาระที่ให้ สคบ.ตรวจสอบ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด เท่านั้น

นอกจากนี้ ในวันดังกล่าวนี้ กฤษณ์อนงค์เองได้มอบตุ๊กตาเด็กสวมชุดกระต่าย 2 ตัวนี้ให้กับตน และบอกกับตนว่า "สคบ.เป็นคนทำคลอดกฎหมาย เดี๋ยวจะต้องดูแลต่อ" และล่าสุดวันนี้ ได้มีผู้ใหญ่ที่รู้จักได้แสดงความเป็นห่วงเป็นใย ทวงถามมาที่ตน หลังจากมีการนำภาพออกไปเผยแพร่ หวั่นเกรงว่าจะนำไปโยงว่ามีการยัดเงินไว้ในตัวตุ๊กตา 2 ตัวนี้ ตนอยากจะสื่อสารผ่านทาง TopNews ว่าตุ๊กตาเด็กสวมชุดกระต่าย 2 ตัวที่เห็นนี้ เป็นเพียงตุ๊กตาปกติไม่ได้มีการยัดเงินใดๆแอบแฝง ซึ่งได้ตรวจสอบดูก็พบว่าเป็นเพียงตุ๊กตาปกติ ซึ่งตนก็ได้เก็บรวบรวมไว้กับสำนวนในวันที่เขามาร้องเรียน แต่หลังจากนี้คงจะต้องพิจารณาว่าจะส่งคืน หากเป็นประเด็นขึ้นมาทำให้ประชาชนเข้าใจผิด

นอกจากนี้ นายจิติภัทร์ ยังบอกด้วยว่าสคบ. เป็นหน่วยงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ ประชาชนที่ได้รับปัญหาจากการซื้อสินค้าหรือบริการ รวมไปถึงการดำเนินการอื่นอื่นที่เข้าข่ายการลงทุน ที่ได้รับความเสียหาย แต่ไม่รู้ว่าจะไปร้องเรียนที่หน่วยงานใด ก็มักจะมาที่สคบ.เป็นหลัก เพื่อให้ช่วยเหลือ แต่หากนอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการของสคบ. แล้วก็จะไม่มีอำนาจในการดูแล จึงมองว่าอาจเป็นช่องว่างที่กลุ่มบุคคลที่จะมารับต่อจากพรบ. สคบ. ที่จะใช้ช่องทางโอกาสนี้ไปแสวงหาผลประโยชน์ ตนจึงอยากแนะนำให้มีการบูรณาการตั้งคณะทำงาน เพื่อดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ เปรียบเสมือนการทำงานเชิงรุกเพื่อลดปัญหาดังกล่าวนี้  ซึ่งก็ได้นำเสนอรัฐมนตรีไปเรียบร้อยแล้ว