หนุ่มปราจีนฯวิ่งโร่ขึ้น 2 โรงพักแจ้งความตามหาเมียหาย เผยมีปัญหาทะเลาะกันก่อนพบหอบกระเป๋าเสื้อหาหนีออกจากบ้าน ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ติดต่อไม่ได้  ไล่เช็ควงจรปิดขึ้นรถที่บสข.กบินทร์ ปราจีนบุรี บอกกับเพื่อนจะไปพักสมอง คาดเกิดภาวะความเครียดทะเลาะกัน สูญเงินนับแสนจากการลงทุนกับ บริษัท ดิไอคอน พร้อมยอมรับตัวเองเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาว ทำให้ภรรยาไม่มั่นใจ ขณะที่ลูกสาวร่ำไห้บอกคิดถึงแม่มาก

กรณีนายศิลา กองนาค อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 87 หมู่ 9 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.เชิดศักดิ์  พันธุ์พาณิชย์  พนักงานสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.67 ว่า น.ส.พัชรินทร์ อุเทน อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นภรรยาได้หายตัวไปจากบ้านพักเลขที่ 233/90 หมู่บ้านเดอะสปริง หมู่ที่ 5 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.67ช่วงเวลา 12.30  น. นั้น

ต่อมาได้เช็คภาพจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณหน้าบ้านพัก พบ น.ส.พัชรินทร์ แต่งตัวออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าใส่เสื้อผ้า ได้ออกจากบ้านในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.เศษ แล้วนั่ง จยย.รับจ้างออกจากบ้านไป  ส่วนกล้องที่สถานีขนส่งกบินทร์บุรี  พบว่าเจ้าตัวกำลังเดินทางไปขึ้นรถโดยสารมุ่งหน้า จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นภาพสุดท้ายก่อนจะหายตัวไป จนขณะนี้ยังไม่กลับบ้าน และไม่ติดต่อกลับมา เกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงแจ้งความไว้  2  แห่ง ที่ สภ.ศรีมหาโพธิ  จ.ปราจีนบุรี  และอำเภอเมือง จ.นครราชสีมา

เบื้องต้นก่อนภรรยาจะหายไป ได้มีเรื่องทะเลาะกันเรื่องภายในครอบครัว ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัว และเรื่องที่ภรรยาเกิดอาการเคียดจากการลงทุนกับดิไอคอนหลักแสนบาทและเมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 11 พ.ย.67 นายศิลากลับจากที่ทำงานและไปรับลูกสาวจากโรงเรียนมาถึงบ้านเลขที่  87 ม.9 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี  ก็ไม่เห็นภรรยาแล้ว  และได้ติดต่อตามญาติก็ไม่มีใครพบเห็น และโทรศัพท์ของภรรยาก็ปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้ ทางลูกสาวและสามีและทุกคนเป็นห่วงมาก ขอให้ภรรยาติดต่อกลับหรือใครพบเห็นแจ้งหาสามีได้ที่  เบอร์  092-3261232  (นายศิลา)  ขณะที่ลูกสาววัย 6 ขวบก็ร้องไห้คิดถึงแม่ใจจะขาด เพราะไม่เคยอยู่ห่างกันเลย

ช่วงเย็นวันนี้ (17 พ.ย.67) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งที่บ้าน พบนายศิลา อยู่กับลูกคนเล็กซึ่งเป็นลูกสาว ส่วนลูกชายอายุ 13  ปี ไปอยู่บ้านย่า ลูกสาวเองก็ได้นำอัลบั้มรูปที่แม่เคยอยู่ด้วยมาให้ดู  พร้อมพาดูห้องนอนที่ในห้องจะต้องนอนอยู่กับพ่อเท่านั้น

ด้านนายศิลา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย.67 ตนไปส่งลูกที่โรงเรียน พอรับลูกกลับมาบ้านช่วงเย็น พบว่าภรรยาเก็บเสื้อผ้าไปแล้ว  ขอดูกล้องบ้านตรงข้ามพบว่าภรรยาขึ้นวิน จยย.ไปซึ่งไปส่งที่ไอพี 7 แฟนก็ให้เพื่อนพาไปส่งที่ บขส.กบินทร์  ภรรยาบอกกับเพื่อนที่ไปส่งว่า  เขาจะไปพักผ่อนสมองที่โคราชบ้านญาติ   ตนตามขึ้นไปเลยในวันนั้นไปที่บ้านยายก็ไม่พบ พยายามโทร.ติดต่อก็ไม่ได้ ทุกคนก็ติดต่อไม่ได้ จึงกลับมาแจ้งความที่ศรีมหาโพธิ และกลับไปขอกล้องที่ บขส.กบินทร์ พบว่าขึ้นรถช่วง 12.30 น.ปลายทางสถานีขนส่งแห่งใหม่แห่งที่ 2

“ผมก็ดูกล้องช่วงนั้นมองเห็นว่า  ภรรยาลงรถมาหรือเปล่า  ถ้าลงรถจริง ๆ ก็จะเจอ ก็เลยโทร.ไปสอบถามคนรถ บอกมีคนลงรถประมาณ  2-3 คน  ก็มีที่วังน้ำเขียว เขาปักธงชัย  แต่คนขับรถจำไม่ได้ว่าคนไหนลง  ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปตั้งหลักที่บ้านยาย  เผื่อเขาจะมา  ผมอยู่ 2 วัน  ก็ไม่เห็นมา  ผมก็ไม่รู้จะไปตรงไหนก็เลยกลับมาที่ปราจีนบุรีต่อ  คิดว่าจะทำอย่างไรดี  ก็เลยประสานงานกับ  สภ.นครราชสีมาให้เขาช่วยทำข่าวว่าอยากเจอ ยังไม่พบมีผู้ใดติดต่อมาเลย  ส่วนภรรยาก็อยู่ในภาวะเครียด  ป่วยเป็นนิ่วในถุงน้ำดีกินยาอยู่”ผู้เป็นสามี กล่าว

พร้อมระบุว่า วันนั้น ตนไปกินเลี้ยงงานแต่งน้องชายที่โรงเรียนบ้านย่านนางวิ่ง พอกลับมาก็มีปากเสียงกัน  เขาเก็บกด  เขาเครียด  ก็เลยทะเลาะกัน  แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ก็ยังนอนอยู่ด้วยกัน  พอเช้ามาตนไปส่งลูกที่โรงเรียน  กลับมาก็ไม่เจอเขาแล้ว  เขาเครียดอยากไปพักผ่อนสมอง  เขาไปแบบนี้ไม่บอกลูก ไม่บอกตน ตนมก็เครียดว่า ทำไม่ติดต่อไม่ได้ อยากให้กลับ  แม่เขาก็มาหาตน ให้ช่วยตามหา ตนก็ไม่รู้จะตามตรงไหน  ยายที่โคราชก็เป็นห่วง

“ผมก็บอกตรงๆว่าผมมีปัญหาครอบครัวเรื่องชู้สาว แต่ปัญหาก็จบไปแล้ว เพียงแต่ภรรยาผมยังไม่มั่นใจในตัวผม ผมก็พยายามปรับปรุงตัวแต่ภรรยายังไม่เชื่อมั่นใจ เห็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับดิไอคอน ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีปัญหาไหม พี่สาวให้ไปแจ้งความเพื่อที่จะได้เงินคืน แต่ไม่รู้ว่าเขาแจ้งหรือไม่แจ้งเพราะผมก็ไม่เห็นเอกสารเขาเลย  ดิไอคอนลงทุนไปเท่าไรผมไม่รู้ เขาใช้เงินในบัญชีเขา ส่วนสาเหตุที่ออกจากบ้านก็เรื่องมีปากเสียงกันและก็เกิดภาวะเครียด”นายศิลา กล่าว

ในขณะที่ลูกสาว ก็บอกว่า  แม่อยู่ไหนหนูก็อยากให้แม่กลับมา  หนูคิดถึงแม่  หนูรักแม่ค่ะแม่กลับมาหาหนูนะ