จับตา!!! ผบ.ตร.นัดประชุมกลั่นกรอง“โผนายพล”ก่อนเสนอชื่อเข้า ก.ตร.20 พ.ย. ขณะที่"เอก อังสนานนท์"ดักคอที่ผ่านมามีปัญหาความชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ชี้ต้องยึดหลักคุณธรรม และความโปร่งใส
วันที่ 17 พ.ย. พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.สภพ. และเลขานุการ ก.ตร. มีหนังสือเวียนแจ้ง รอง ผบ.ตร. และ จตช. กรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร.
ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 81(3) (ก) กำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. เพื่อทำหน้าที่พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและความเหมาะสมในการศัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จตช. ลงมาถึง ผบช. และ จตร.โดย ผบ.ตร.ประธานกรรมการ ได้กำหนตให้มีการประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาแต่งตั้งตั้งข้าราชการดำรวจดำรงตำแหน่งระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จดช. ลงมาถึง ผบช. และ จตร. วาระประจำปี 2567 ในวันที่ 19 พ.ย. เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุม 6 ชั้น 2 อาคาร 1ตร.รายงานว่า ที่ประชุมเสนอเอกสารพิจารณาแต่งตั้ง ได้แก่ บัญชีลำดับอาวุโสของข้าราชการตำรวจ บัญชีรายชื่อผู้อยู่ในเกณฑ์ที่สมควรให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ประวัติของข้าราชการตำรวจ ผลการปฏิบัติงานและบันทึกการปฏิบัติงานมาแล้วด้วย
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า การประชุมก.ตร.ในวาระการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่ผ่านมา ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ฝ่ายเลขานุการ ก.ตร. มีการดำเนินการที่อาจก่อให้เกิดปัญหาทางกฎหมายอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ ในการจัดส่งเอกสารประกอบการประชุม ฝ่ายเลขานุการได้ส่งเพียงหนังสือเชิญประชุมที่ระบุว่ามีวาระการแต่งตั้ง พร้อมเอกสารที่มีเฉพาะชื่อและประวัติรับราชการเท่านั้น โดยไม่ได้จัดส่งบัญชีแต่งตั้งและเหตุผลการพิจารณาของคณะกรรมการแต่งตั้งระดับ ตร. ด้วยการอ้างเหตุผลว่าเป็นความลับ และขออนุมัติต่อประธาน ก.ตร. เพื่อนำเสนอในที่ประชุมเพื่อพิจารณาในทันที
"การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวมีปัญหาความชอบด้วยกฎหมายหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาตามพ.ร.บ. 2565 มาตรา 60 และมาตรา 82 ที่กำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องพิจารณาจากความรู้ความสามารถ ประวัติการรับราชการ ผลการประเมินการปฏิบัติงาน ความประพฤติ ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน รวมถึงผลการประเมินความพึงพอใจของประชาชน นอกจากนี้ ยังขัดต่อกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2567 ที่มุ่งเน้นให้การพิจารณาแต่งตั้งต้องยึดถือระบบคุณธรรมและความโปร่งใสในการบริหารงานบุคคลเป็นสำคัญ"พล.ต.อ.เอก กล่าว
และว่า ประเด็นที่น่าห่วงกังวลอีกประการคือ การดำเนินการดังกล่าวยังขัดต่อหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและหลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญ ทั้งในแง่ของหลักความโปร่งใสในการตัดสินใจ หลักการมีส่วนร่วมในการพิจารณา และหลักความรับผิดชอบและตรวจสอบได้ สอดคล้องกับแนวคำพิพากษาศาลปกครองที่ได้วางหลักไว้ว่า การพิจารณาแต่งตั้งจำเป็นต้องมีระยะเวลาที่เพียงพอในการศึกษาข้อมูล และต้องมีข้อมูลประกอบการพิจารณาที่ครบถ้วน การนำเสนอเพียงบัญชีรายชื่อในที่ประชุมโดยไม่มีข้อมูลประกอบการพิจารณาที่เพียงพอ อาจส่งผลให้การใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมายและอาจถูกเพิกถอนในภายหลังได้ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล มีข้อเสนอว่า ฝ่ายเลขานุการ ก.ตร. ควรจัดส่งเอกสารประกอบการพิจารณาล่วงหน้าพอสมควรโดยเอกสารดังกล่าวควรประกอบด้วย บัญชีรายชื่อผู้ได้รับการเสนอแต่งตั้ง ประวัติการรับราชการโดยละเอียด เหตุผลและข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณา ความเห็นของคณะกรรมการแต่งตั้งระดับ ตร.ตลอดจนผลการประเมินการปฏิบัติงานและความพึงพอใจของประชาชน
นอกจากนี้ ควรมีการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในการเปิดเผยข้อมูลประกอบการพิจารณา โดยคำนึงถึงหลักความโปร่งใสและการรักษาความลับของทางราชการอย่างสมดุล เนื่องจากการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจมีผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและความสงบเรียบร้อยของสังคม การปรับปรุงกระบวนการพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและองค์กรตำรวจ มีหนังสือลงวันที่ 14 พ.ย.เรียนเลขานุการก.ตร. ขอให้ส่งบัญชีการแต่งตั้งฯและผลการพิจารณาขอคณะกรรมการแต่งตั้งระดับ ตร.ตลอดจนเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้คณะกรรมการ ก.ตร.พิจารณาก่อนประชุมพอสมควร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี