มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี นำโดยพลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ จัดการประชุม “ความร่วมมือ 3 ภาคส่วน รวมพลังสานอนาคตการศึกษาไทยที่ยั่งยืน” ประจำปี 2567 ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี คณะที่ปรึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ นำโดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่นในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ พร้อมด้วยซีอีโอ คณะผู้บริหารจากองค์กรผู้ร่วมก่อตั้ง อาทิ นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีบี เอกซ์ นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุลประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหม่ บมจ.เบอร์ลี่ยุคเกอร์ นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ประธานกรรมการ บจก.ทรูดิจิทัล กรุ๊ป และนายมนัสส์มานะวุฒิเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ตลอดจนเครือข่ายพันธมิตร 55 องค์กร ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หารือและวางแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปอันได้แก่ การใช้ระบบ School Management System ครอบคลุมทุกโรงเรียนในสังกัด สพฐ. เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพการบริหารจัดการ การระดมทุนในโครงการ “โน้ตบุ๊กเพื่อการศึกษา” ให้ครบตามเป้าหมาย 88 ล้านบาทอีกทั้งจัดตั้งศูนย์ Learning Center นำร่องในโรงเรียนคุณภาพทั่วประเทศ รวมถึงพัฒนาผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (ICT Talent) ให้ครอบคลุมทุกโรงเรียนในสังกัดสพฐ. ภายในปี 2570 ควบคู่กับการจัดหลักสูตรอบรมเพิ่มพูนทักษะการบริหารและการสอนร่วมกับสพฐ. และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้ความร่วมมืออันเข้มแข็งต่อเนื่องของทุกภาคส่วน ปัจจุบันมีโรงเรียนคอนเน็กซ์อีดีที่อยู่ในสังกัดสพฐ. เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 6,949 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนที่ได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษาสะสมแล้วกว่า 2.31 ล้านคน ขณะที่มีผู้นำรุ่นใหม่ (School Partner) จำนวน 1,900 คน พร้อมด้วย ICT Talent อีก 2,400 คน เพื่อติดตามและพัฒนานวัตกรรมการศึกษาให้ครอบคลุมทั้งในระดับพื้นที่และระดับประเทศ อีกทั้ง ยังพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการศึกษา 82,000 คน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ รวม 3,757.59 ล้านบาท ในระยะดำเนินงานที่ผ่านมา
โดยผลการดำเนินงานของมูลนิธิฯ มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับ 5 ยุทธศาสตร์หลัก ผ่านความร่วมมือในการดำเนินงานของ 5 คณะทำงาน ภาครัฐ-เอกชน ที่มาช่วยเสริมแกร่งให้เป็นไปตามเป้าหมายของมูลนิธิฯ ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การเปิดเผยข้อมูลสถานศึกษาสู่สาธารณะอย่างโปร่งใส (Transparency) มุ่งเน้นให้มีการนำระบบ School Management System (SMS) มาใช้กับโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการบริหารจัดการพร้อมสร้างมาตรฐานการประเมินเชิงคุณภาพด้วย Chula Model และการปรับตัวชี้วัดตามบริบทโรงเรียน ทั้งนี้ ยังวางแผนถอดบทเรียนโรงเรียนต้นแบบเพื่อขยายผลสู่โรงเรียนอื่นๆ ต่อไป, 2.ยุทธศาสตร์ที่ 2 : กลไกตลาดและวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม (Market Mechanisms) ส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาไทย โดยเปิดโอกาสให้ร่วมระดมทุนในโครงการ “โน้ตบุ๊กเพื่อการศึกษา” โดยมีเป้าหมายจัดหาโน้ตบุ๊กให้โรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ระดมทุนได้แล้วกว่า 23 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพัฒนาศักยภาพ School Partner พนักงานจิตอาสา ให้มีส่วนร่วมวิเคราะห์และประเมินโรงเรียนตามหลักยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
3.ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน (High Quality Principals & Teachers) มูลนิธิฯ มีนโยบายพัฒนา “ICT Talent ภาครัฐ” ให้ครอบคลุมทุกโรงเรียนภายในปี 2570 รวมถึงการปรับหลักเกณฑ์การโอนย้าย การประเมินวิทยฐานะ และการปรับเงินเดือนให้กับครูและผู้บริหาร นอกจากนี้ ยังมีโครงการอบรมเข้มข้นเพื่อพัฒนาสมรรถนะผู้สอนสู่การเป็นครูผู้ส่งเสริมให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี, 4.ยุทธศาสตร์ที่ 4 : เด็กเป็นศูนย์กลางเสริมสร้างคุณธรรมและความมั่นใจ (Child Centric & Curriculum) สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ Learning Center ในโรงเรียนคุณภาพ 1 โรงเรียนต่อ 1 เขตพื้นที่เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้เด็กได้เรียนตามความสนใจ พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ในด้านทักษะสำคัญในยุคดิจิทัล และ 5.ยุทธศาสตร์ที่ 5 : การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของสถานศึกษา (Digital Infrastructures) มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในโรงเรียน เพื่อรองรับการเรียนรู้แห่งอนาคต รวมถึงการติดตั้งการคัดกรองข้อมูล (Filtering Software) เพื่อให้เยาวชนเข้าถึงแหล่งข้อมูลอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย พร้อมส่งเสริมหลักสูตรด้านเทคโนโลยี AI และทักษะดิจิทัล
แนวทางยุทธศาสตร์ 5 หลักนี้ ได้นำมาประยุกต์ใช้ในโรงเรียนคอนเน็กซ์อีดี จนเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และกลายเป็นโรงเรียนต้นแบบคอนเน็กซ์อีดีสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังเช่น โรงเรียนบ้านตำหรุ (วิงประชาสงเคราะห์) จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ตัวแทนคณะครูและนักเรียน ได้มาร่วมนำเสนอแนวทางความสำเร็จในการพัฒนาโรงเรียนตามแนวทางดังกล่าว ทั้งนี้ มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี ยังคงยืนหยัดในการพัฒนาการศึกษาไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ทั้งในเชิงนโยบาย การสนับสนุนโรงเรียนและบุคลากร ตลอดจนการมอบโอกาสให้เยาวชนทุกคนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองเพื่อสร้างสรรค์สังคมและประเทศให้ก้าวไกล
สำหรับองค์กรที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-8581881-2 หรืออีเมล : Partners.connexted@gmail.com รวมถึงสามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมของมูลนิธิฯได้ที่ connexted.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี