ตร.ไซเบอร์บุกจับ
แก๊งคอลฯจีนเทา
เช่าเบอร์โทรศัพท์
ตุ๋น700ล้านครั้ง
ตร.ไซเบอร์ เปิดปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” จับแก๊งจีนเทา เช่าเบอร์ โทร. 02 กว่าหมื่นเลขหมาย โทร.หลอกชาวบ้านกว่า 700 ล้านครั้ง นอกจากนี้ยังกวาดล้างแก๊งส่ง SMS ลวงเหยื่อ 3วัน เกือบล้านครั้ง
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แถลงผลการปฏิบัติการ “มาตรการระเบิดสะพานโจร” 2 จับกุมแก๊งค์จีนเทา เช่าเบอร์โทร.02-xxxxxxx กว่าหมื่นเลขหมาย โทร.หลอกลวงประชาชนมากกว่า 700 ล้านครั้ง และใช้เครื่องส่ง SMS ปลอม (False Base Station) ส่งข้อความถึงประชาชนเกือบ 1 ล้านครั้ง ภายใน 3 วัน
พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากชุดสืบสวนกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ตรวจพบความผิดปกติของการใช้หมายเลขโทรศัพท์ โดยใช้หลอกประชาชนจำนวนมาก เป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย 02-xxxxxxxx จึงตรวจสอบ จนพบว่ากลุ่มหมายเลขโทรศัพท์ 02 ดังกล่าว เป็นหมายเลขที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้โทร.หลอกลวงประชาชนให้ร่วมทำกิจกรรมและร่วมลงทุนรูปแบบต่างๆ มีทางนิติบุคคล 3 บริษัท ขอจดทะเบียนเลขหมาย อ้างเพื่อใช้ประกอบธุรกิจอุปกรณ์ตู้สาขาแบบ SIP Server ด้วยระบบ SIP Trunk Solution โดยรูปแบบวิธีการทำงานของระบบ SIP Trunk Solution นั้น เป็นเทคโนโลยีเพื่อให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์ประจำซึ่งใช้งานผ่านโครงข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถบริหารจัดใช้งานเลขหมายผ่านระบบคอมพิวเตอร์ได้ โดยไม่ติดข้อจำกัดด้านสถานที่ และข้อจำกัดในการวางระบบโครงข่ายสายสัญญาณต่างๆ รวม 11,201 เลขหมาย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทั้ง 3 บริษัท พบข้อมูลดังนี้ 1.บริษัท หรวนหยุน จดทะเบียน 3,000 เลขหมาย พบสถิติการใช้งาน รวม 256,219,676 ครั้ง มีกรรมการบริษัท 3 ราย เป็นชาวจีน และเป็นชาวไทย อีก 2 ราย 2.บริษัท ยูน จดทะเบียน 6,000 เลขหมาย พบสถิติการใช้งาน (call attempt) รวม 345,339,574 ครั้ง มีกรรมการบริษัท 3 ราย เป็นชาวจีน 2 ราย และเป็นชาวไทย 1 ราย และ 3.บริษัท พรีมา จดทะเบียน 2,201 เลข พบสถิติการใช้งาน (call attempt) รวม 128,626,642 ครั้ง มีกรรมการบริษัท 3 ราย ทั้งหมดเป็นชาวจีน
เมื่อตรวจสอบย้อนหลัง พบว่าทั้ง 3 บริษัท ใช้เบอร์ 02 โทร.หาเหยื่อแล้ว 730,185,892 ครั้ง ส่วนการตรวจสอบการเดินทางของกรรมการบริษัท ที่เป็นชาวจีน ไม่พบข้อมูลการเข้าออกประเทศ มีเพียง 1 ราย ที่ออกนอกประเทศไปตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2566 และไม่ได้กลับเข้ามาอีก ทางเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ รวม 24 ราย เป็นชาวต่างชาติ 9 ราย และออกหมายจับคนไทย 15 ราย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 10 ราย เป็นคนไทย 9 และชาวเมียมา 1 ราย ดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันนำข้อมูลปลอมเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ , ร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีการและมีมุ่งหมายเพื่อการมิชอบด้วยกฎหมาย (สมคบกันเป็น อั้งยี่ หรือ ซ่องโจร) , สมคบกันกระทำความผิดฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และความผิดในกรณีการลอบเปิดบัญชีม้า พร้อมทั้งมีการประสานตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล ออกหมายแดง เพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการชาวต่างชาติ ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ เพื่อคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
นอกจากนี้ปฏิบัติการที่ 2 ได้จับกุมแก๊งจีนเทา ใช้เครื่องส่ง SMS ปลอม ส่งข้อความถึงประชาชนภายใน 3 วัน เกือบล้านครั้ง โดยคนร้ายเป็นชายสัญชาติจีน ทราบชื่อต่อมาคือ นายหยาง อายุ 35 ปี ตรวจสอบภายในรถพบเครื่องจำลองสถานีฐาน กำลังทำงานอยู่ และมีการเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ Power Station กำลังไฟ 8,000 W , เราท์เตอร์ไวไฟ และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง จากการตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส พบว่าเป็นเครื่องส่งข้อความ (SMS) เป็นลักษณะของการจำลองเสา (false base station) เพื่อส่งสัญญาณปลอมของเครือข่าย AIS โดยเป็นอุปกรณฺดัดแปลงการส่งสัญญาณคลื่นความถี่ต่างๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก กสทช.เมื่อตรวจสอบแอปพลิเคชันที่ใช้ส่งข้อความผ่านเครื่อง false base Station พบว่าภายใน 3 วัน มีการส่งข้อความไปแล้วเกือบ 1 ล้านครั้ง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในความผิดฐาน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาต , ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคม ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.1 บช.สอท.รับไว้ดำเนินคดีและขยายผลการจับกุมไปยังผู้จ้างวานและเครือข่ายที่ร่วมขบวนการดังกล่าว
พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการตัดวงจรสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นการปิดโอกาสของคนร้ายในการติดต่อประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านี้ โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ บช.สอท.ร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี อย่างเข้มข้นต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี