“โฆษก กมธ.ที่ดินฯ”ปัดเจอเกมสกัดสอบปม“เขากระโดง”เตรียมใช้อำนาจ“ประธานกมธ.” ลุยเดินหน้าเช็คข้อเท็จจริง คาด 27 พฤศจิกายนนี้ วาง 3 ประเด็นพิจารณาด้าน”กรมที่ดิน”เผยผลรังวัดที่ดิน”เขากระโดง” ยันตั้งคกก.สอบฯดําเนินการครบถ้วนถูกต้อง ตามคําพิพากษาศาลปกครอง ร่วม รฟท.ตรวจสอบแนวเขตที่ดินตามกฎหมายทุกขั้นตอน
เมื่อวันที่ 19พฤศจิกายน 2567 นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดประชุมกมธ.เพื่อพิจารณาประเด็นปัญหาการครองสิทธิในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พื้นที่เขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ว่า เบื้องต้น กมธ. จะนัดหารือกรณีดังกล่าวในวันที่ 27 พ.ย. นี้ ซึ่งจะเป็นการหารือภายใน กมธ.ว่า จะมีประเด็นใดที่ต้องตรวจสอบบ้าง
อย่างไรก็ดี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ยื่นเรื่องต่อ กมธ. ผ่านนายเลาฟั้ง บัณฑิตเทิดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการ กมธ. ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ดินเขากระโดง จึงเป็นอำนาจของประธานกมธ. ที่จะบรรจุวาระให้พิจารณา ส่วนจะเชิญบุคคล หรือหน่วยงานใด เข้าชี้แจงต่อกมธ.ต้องหารือกับกมธ.ก่อน แต่สุดท้ายแล้วอำนาจจะอยู่ที่ประธานกมธ.
นายฐิติกันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นหลักๆ ที่คาดว่าจะหยิบยกมาตรวจสอบ คือ กรณีที่ รฟท. ไม่ฟ้องผู้ที่ครอบครองโฉนด กรณีคำสั่งของศาล และกรณีที่กรมที่ดินไม่เพิกถอนโฉนดตามคำสั่งศาล ทั้งนี้ในหลักการทั่วไป หากพื้นที่ของรัฐที่เป็นกรณีพิพาทจะคืนให้กับกรมธนารักษ์เพื่อให้ดำเนินการเช่ากับหน่วยงานหรือผ่านกรมธนารักษ์ แต่กรณีเขากระโดงพบว่าได้ใช้วิธีออกโฉนด
เมื่อถามว่า การตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจะเจอเกมสกัดอีกรอบหรือไม่ นายฐิติกันต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่มีเกมสกัดการตรวจสอบ ส่วนที่การประชุมรอบที่ผ่านมาที่ไม่สามารถขอมติได้ เนื่องจากเป็นการวางวาระไว้ช่วงท้ายการประชุม ซึ่งในช่วงปิดสมัยประชุม กมธ.อาจออกไปก่อนที่จะขอมมติ ซึ่งการขอมติให้ตรวจสอบเรื่องใดต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่เมื่อมีผู้ออกจากห้องประชุมไปก่อน ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งไม่ใช่การวอร์คเอาท์หลังจากที่มีการเสนอเรื่องให้พิจารณา
เมื่อถามว่ากังวลต่อท่าทีของกมธ.ที่มาจากพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายฐิติกันต์ กล่าวว่า ไม่น่ากังวล เพราะ การตรวจสอบของกมธ. เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม ซึ่งพรรคภูมิใจไทยสามารถได้ใช้เวทีเพื่อชี้แจงในมุมของตนเองว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ดังนั้นตนมองว่าหากไม่มีอะไรผิดปกติ จะไม่ติดปัญหาเรื่องตรวจสอบ
วันเดียวกัน กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงว่า ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคําพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ให้อธิบดีกรมที่ดิน มีคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดําเนินการให้เป็นไปตามคําพิพากษา โดยให้การรถไฟฯ (ผู้ฟ้องคดี) ร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนฯ ทําการตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อหาแนวเขตที่ดินที่เป็นของการรถไฟฯ
เอกสารฯ ระบุต่อว่า อธิบดีกรมที่ดิน ได้มีคําสั่งที่ 1195-2566 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นการปฏิบัติตาม คําพิพากษาศาลปกครองกลาง และได้รายงานสรุปผลการรังวัดนําชี้แนวเขตของคณะทํางานร่วมระหว่าง สํานักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ และการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการรังวัดตรวจสอบตําแหน่งขอบเขต โดยรอบและจัดทําแผนที่ทางกายภาพเพื่อประกอบการพิจารณาแผนที่ ซึ่งได้จากการรังวัดของคณะทํางานร่วม ระหว่างสํานักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ และการรถไฟฯ เป็นการรังวัดตามการนําชี้ของผู้แทนการรถไฟฯ โดยไม่มีเอกสารหลักฐานทางกฎหมายอ้างสิทธิใดๆ ที่ระบุได้ว่าเป็นแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตสร้างทางรถไฟฯ พ.ศ.2462 และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินฯ เพื่อสร้างทางรถไฟ พ.ศ.2464 เพื่อประกอบการนําชี้ ในขณะทําการรังวัดได้มีราษฎรในพื้นที่และส่วนราชการคัดค้านไม่ยอมรับการนำชี้ของผู้แทนการรถไฟฯ เนื่องจากไม่มีเอกสารหลักฐานที่การรถไฟฯ อ้างสิทธิตามกฎหมายเมื่อคณะทํางานร่วมฯ ดําเนินการจัดทําแผนที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้มีการส่งข้อมูลการรังวัดพร้อมหลักฐานการคัดค้านของราษฎร และส่วนราชการต่างๆ ที่คัดค้านให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ตาม ม.61 ใช้ประกอบในการพิจารณา และได้รายงานกรมที่ดินทราบ
กรมที่ดิน ขอยืนยันว่า ในการดําเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความใน มาตรา 61 ได้ดําเนินการครบถ้วนถูกต้องตามคําพิพากษาศาลปกครอง และทําการตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อหาแนวเขตที่ดินที่เป็นของการรถไฟฯตามกฎหมาย และคําพิพากษาศาลปกครองกลางทุกขั้นตอนแล้ว โดยอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 มีดังนี้ 1.ดําเนินการสอบสวนพยานหลักฐานให้ได้ความว่า ได้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือ รับรองการทําประโยชน์ไปโดยคลาดเคลือนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างไร
2.มีอำนาจเรียกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง มาพิจารณากรณีไม่อาจเรียกเอกสารให้บันทึกเหตุผลไว้ กรณีได้รับเอกสารให้ออกใบรับ (ท.ด.53) ไว้เป็นหลักฐาน 3.แจ้งผู้มีส่วนได้เสียทราบเพื่อให้โอกาสคัดค้านการเพิกถอนหรือแก้ไข4.รายงานผลการสอบสวนต่ออธิบดีกรมที่ดินหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายในกําหนด ระยะเวลา 5.ขอขยายระยะเวลาการสอบสวน กรณีคณะกรรมการสอบสวนฯไม่สามารถดําเนินการ สอบสวนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา โดยจะสั่งให้ขยายระยะเวลาการสอบสวนได้ตามความจําเป็น และ 6.ขอเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการสอบสวนฯ กรณีมีเหตุจําเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกรรมการสอบสวน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี