ความคืบหน้ากรณีนายตุ๊กหนุ่มเมาขับรถไถพังวัดยับจนพระจีวรบินหนีแทบไม่ทัน ล่าสุดวันนี้พ่อของหนุ่มเมาเปิดใจ ปมเหตุเกิดจากพระในสำนักสงฆ์ค้างเงิน 1 แสนค่าที่ไม่ยอมจ่าย ทำให้ลูกชายโกรธแทน หากจ่ายคงไม่ยืดเยื้อถึงเพียงนี้

จากกรณีพระสมชาย เสริฐศรี อายุ 49 ปี เจ้าสำนักสงฆ์ประทีปแก้ว บ้านจำปา หมู่ 7 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.หญิงจุฑามาศ เกื้อสกุล รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี หลังจากมีโยมในหมู่บ้านขับรถไถเข้าไปในสำนักสงฆ์ทำลายทรัพย์สินทั้งรั้ววัด เสาไฟฟ้าและโรงรถจอดรถ พระในสำนักสงฆ์พากันแตกตื่นหอบจีวรหนีแทบไม่ทัน โดยดูอาการโยมที่ขับรถไถท่าจะเมาหลุดโลกอาละวาดและตะโกนด่าพระลั่น จึงมาแจ้งความตำรวจ หากตร.ไม่ยอมออกไปที่สำนักสงฆ์จะไม่ยอมกลับ ตามที่ได้เสนอข่าวไป (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หนุ่มอุดรฯเมาหลุดโลก ขับรถไถชนสำนักสงฆ์พังยับ พระจีวรปลิวโร่แจ้งจับทันควัน)

ความคืบหน้าล่าสุดเช้าวันนี้ (19 พ.ย.67) ร.ต.ท.หญิงจุฑามาศ เกื้อสกุล รอง สว (สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้เชิญพระสมชาย เสริฐศรี มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีทนายความมาด้วย ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปดูที่เกิดเหตุอีกครั้งที่สำนักสงฆ์ โดยพบว่าพระลูกวัดกำลังซ่อมแซมจุดที่พังเสียหาย จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปบ้านของนายทวีโชค พวงกันยา หรือตุ๊กแก อายุ 51 ปี แต่ไม่เจอตัวคนขับรถไถพังวัดพบแต่เพียงนายสถิตย์  พวงกันยา อายุ 87 ปี ผู้เป็นพ่อ อยู่บ้านเพียงคนเดียว สอบถามทราบว่านายทวีโชคฯ ออกไปทำงานยังไม่เข้ามา

นายสถิตย์ฯ เล่าให้นักข่าวฟังว่า เหตุการณ์เริ่มแรกก่อนที่เราจะมีปัญหากัน ย้อนกลับไปประมาณ 6 ปี ก่อนหน้า เดิมทีตนก็ไม่คิดจะขายพื้นที่นาแห่งนี้ ตอนนั้นลูกชายคนโตได้ไปรู้จักกับพระรูปหนึ่งซึ่งถูกขับไล่มาจากอำเภอบ้านดุง จากนั้นพระรูปนั้นก็ได้ขอร้องให้ลูกชายหาที่พักพึ่งพาอาศัยให้ ลูกชายสงสารก็เลยให้พื้นที่ซึ่งเป็นที่นาของตนให้พระรูปดังกล่าวพักอาศัย ไม่นานลูกชายก็พาพระรูปนั้นพร้อมพระสมชายฯ และพระอีก 4-5 รูป ไปหาตนที่บ้านโนนสะอาด ไปเล่าให้ฟังว่า พระจะมาขออาศัยขอใช้พื้นที่นาเราเป็นที่พักสงฆ์ ตนอนุญาตให้พักและตั้งเป็นสำนักสงฆ์เรื่อยมา แต่ตอนนั้นตนก็ไม่คิดว่าจะขาย เมื่อตนมาดูที่นาก็พบว่าพระมีการพระมาปักกลดกันหลายรูป ตลอด 6 ปี ก็ไม่เคยมีปัญหากัน กระทั่งพระสมชายฯ มาถามซื้อ ตนก็ตกลงขายให้โดยตกลงซื้อขายกันในราคา 600,000 บาท โดยพระจ่ายมาแล้ว 500,000 บาท แต่ยังคงเหลืออีก 100,000 บาท กระทั่งมีปัญหากันเรื่อยมา เนื่องจากพระยังจ่ายเงินไม่ครบ เราจะมีปัญหากัน สำหรับพื้นที่นี้เป็นที่สปก 4-01 ไม่มีโฉนด โดยมีตนและนายสมพงษ์เป็นผู้ครอบครอง ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวนั้นตอนนี้ยังติดจำนองไว้กับธนาคารธกส.ด้วย

สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดที่ลูกชายไปใช้รถไถดันต้นไม้ทำลายทรัพย์สินภายในสำนักสงฆ์แห่งนั้น ก็เนื่องจากลูกชายได้รับรู้เรื่องราวที่ตนเล่าให้ฟังว่าพระยังเป็นหนี้ค่าที่จำนวน 100,000 บาท ลูกชายจึงไปดื่มจนเมาและเกิดอาการโมโห จึงเอารถไถที่จอดอยู่ข้างบ้านขับไป ดันทำลายทรัพย์สินของสำนักสงฆ์ สำหรับสาเหตุที่ลูกชายไปทำแบบนั้นคิดว่าคงโกรธแทนพ่อ พอดื่มเมาแล้วเห็นพ่อไม่สบายใจพระติดหนี้แล้วไม่จ่ายค่าที่ดินที่เหลืออีก 100,000 บาท ซึ่งถ้าหากพระยอมจ่ายปัญหาคงไม่ยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้ หากพระจ่ายครบตนก็จะยินยอมมอบพื้นที่นี้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระและสำนักสงฆ์แน่นอน