"สนธิ"ยื่นหนังสือร้องสภาทนายความสอบมรรยาท "ทนายตั้ม-ทนายเดชา" ยันจะดำเนินสุดซอย ไม่ยอมเจรจาทุกเรื่อง
วันที่ 21 พฤศจิกายน 67 ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมทนายความ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน ขอให้สภาทนายความพิจารณาสอบมรรยาททนายความนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯและนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ต่อ นายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ กำกับดูแลงานมรรยาททนายความ จากนั้นจึงเข้าพบ นายคณิต วัลยะเพ็ชร์ ประธานกรรมการมรรยาททนายความ
ด้าน นายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษกล่าวว่า หลังจากนี้จะส่งเรื่องให้ประธานกรรมการมรรยาททนายความ ซึ่งประธานมรรยาททนายความจะมอบหมายให้รองประธานมรรยาททนายความท่านใดท่านหนึ่งพิจารณาว่าจะรับคำกล่าวหาหรือไม่ ถ้ารับก็จะเข้าสู่กระบวนการตั้งกรรมการสอบสวน แต่ก่อนตั้งกรรมการสอบสวนจะต้องแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ทราบเพื่อแก้ต่างคำกล่าวหาก็จะทำให้การพิจารณาคดีมารยาททยายความรวดเร็วขึ้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง ปกติแล้วการลงโทษก็จะมีตั้งแต่การตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใบอนุญาตทนายความ 3 เดือน ,6 เดือน หรือ 3 ปี หากรุนแรงสุดก็จะเพิกถอนใบอนุญาตทนายความ แต่ผู้ถูกกล่าวหาสามารถอุทธรณ์กับ สภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความหรือ รมว.ยุติธรรมหรือฟ้องศาลปกครองได้
ต่อมานายสนธิ ให้สัมภาษณ์ว่า ผมดีใจมากที่สื่อมวลชนและผมได้ช่วยกัน ทำให้ความจริงปรากฏ และเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในสังคมไทย สิ่งที่นายษิทรา ทำกับน.ส.จตุพร หรือ เจ๊อ้อย อุบลเลิศ เศรษฐีนีชาวไทย ไม่ใช่การฉ้อโกงหรือฟอกเงินอย่างเดียว แต่เป็นกระบวนการของคนที่รู้กฎหมาย แล้วใช้ความรู้ทางกฎหมายมาเอารัดเอาเปรียบคนที่ไม่รู้กฎหมาย โดยเฉพาะ น.ส.จตุพรที่มองว่าเป็นคนต่างจังหวัด ที่เจอกับทนายษิทราทางโซเชี่ยลเฟซบุ๊ก ซึ่งสิ่งที่ทำเป็นการหลอกลวงประชาชนที่หลงเชื่อ
นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า ตนยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่โดนทนายความหลอกลวงเป็นร้อยราย บางรายเป็นทนายความที่โดนไล่ออกแล้ว ประชานบางคนถูกหลอกจนหมดเนื้อหมดตัว ตนจึงรับไม่ได้แล้วความยิ่งใหญ่ของนายษิทราในอดีตเป็นเรื่องที่คนไม่กล้าเข้าไปยุ่ง แต่เขาเข้าใจผิด สำหรับตนแล้วจะใหญ่แค่ไหนถ้าความอยุติธรรมเกิดขึ้น ตนก็จะไม่รีรอที่จะทำ
นายสนธิกล่าวต่อว่า น.ส.จตุพร ได้มอบอำนาจให้ตนดำเนินการเด็ดขาดกับเรื่องที่ได้แจ้งความนายษิทราไว้ เกี่ยวกับการฉ้อโกงและฟอกเงิน รวมทั้งมีอำนาจในการแต่งตั้งทนายความด้วย
นายสนธิ กล่าวอีกว่า กรณีนายษิทรานั้น ตนขอยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจา จะดำเนินคดีไปจนสุดซอย ถ้ายังไม่ได้ผล หรือซอยตัน ก็จะทะลุซอย ทุบกำแพงออกแล้วเดินหน้าต่อไป เพราะเรื่องของน.ส.จตุพรเป็นเรื่องกรอบกระบวนการที่สร้างมาจากคนที่ฉลาดเรื่องกฎหมาย เพื่อเตรียมตัวจะสู้คดีเพราะรู้อยู่ว่าเมื่อโดนฟ้องจะสู้คดีอย่างไร
ขณะที่นายปานเทพ ให้สัมภาษณ์ในหลายประเด็นทั้งเงินจำนวน 39 ล้านบาทที่นายษิทรา หลอกให้น.ส.จตุพร โอนเงินให้ โดยมีคนสนิท ไปเบิกเงินสดที่ธนาคารแห่งหนึ่งแล้วแบ่งกันไป รวมทั้งเงินที่โอนเข้าบัญชีพี่ภรรยาทนายตั้ม พี่สาวทนายตั้ม ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อดำเนิการทสงกฎหมาย รวมทั้งเรื่องการขอเป็นผู้จัดการมรดกของน.ส.จตุพร ที่ทนายตั้มอ้างว่า เป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ตรงนี้ยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัยอยู่ด้วย.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี