"ทนายอาคม"รุดเยี่ยม"ทนายตั้ม"ครั้งแรก ขอเปิดปากไขปม 3 ประเด็นสำคัญ แย้ม"ตั้ม"ควรให้ข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะสถานการณ์เริ่มลากคนใกล้ตัวไปโดนด้วยหมด
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ทนายอาคม คงสวัสดิ์ เปิดเผยว่า ตนเป็นทนายความดูแลคดีให้ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือ เดือน ภรรยาของทนายตั้ม และที่ผ่านมาก็ได้ตีเยี่ยมนางปทิตตา จึงทำให้ในวันนี้ตนมีความประสงค์จะเข้าตีเยี่ยม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เพราะตนอยากทราบข้อเท็จจริงและข้อมูลจากนายษิทรา ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับนางปทิตตา ว่าเธอมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด เนื่องด้วยสิ่งที่สังคมอยากรู้ผัวเมียนอนอยู่ด้วยกันทุกวัน ผัวไปทำอะไรเมียจะรู้หรือไม่ และรู้ลึกซึ้งมากน้อยแค่ไหน
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการติด GPS ภายในรถของมาดามอ้อย และมีการเข้าสู่ระบบ (Log in) ในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ตนอยากทราบว่าล็อกอินเข้าไปด้วยสาเหตุอะไร ในเมื่อส่งมอบรถไปให้เขาแล้วตั้ง 9 เดือน ดังนั้น จะไปตรวจดูอะไร และมีวัตถุประสงค์เพื่อการใด ทั้งนี้ ประการที่ 3 ที่ตนจะเข้าไปคุยกับทนายตั้ม คือ เรื่องพินัยกรรมว่ามีความจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน มีการแก้ไขพินัยกรรมด้วยการใส่ชื่อนายษิทรา เข้าไปเป็นผู้จัดการมรดก แล้วมันจะไปเชื่อมโยงกับเรื่องบุตรบุญธรรมอย่างไรบ้าง
ทนายอาคม เผยถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างตนเองและทนายตั้ม ว่า พูดแล้วก็เจ็บอก ตนกับนายษิทราไม่ได้ทำงานร่วมกันมานานพอสมควรแล้ว ด้วยเหตุผลส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกันในส่วนของภรรยาทนายตั้ม ต้องบอกว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวของตน ในช่วงที่ทำงานด้วยกันทั้งในส่วนของภรรยาตนและภรรยาของทนายตั้มก็มีความสนิทสนมกัน ซึ่งภรรยาของตนก็จะไปร้องขอให้เขามีการช่วย ถ้าหากช่วยได้ก็ช่วยเท่าที่ช่วย แต่ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าในส่วนของนายษิทราตนไม่รับเป็นทนายให้
ทนายอาคม เผยต่อว่า การจะเข้าไปในวันนี้ตนก็ไม่ทราบได้ว่านายษิทราจะคุยด้วยหรือไม่ แต่ถ้าเป็นการเข้าไปขอข้อมูลหรือไปคุยในส่วนของภรรยาของเขา เขาคงตอบ แต่จะได้ลึกแค่ไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง ส่วนประเด็นที่ว่าภรรยาของทนายตั้มรู้หรือไม่ว่าทนายตั้มได้เงินมาจากมาดามอ้อยนั้น เธอรู้เพียงแค่ว่าเป็นเงินจากมาดามอ้อย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเงินที่นายษิทราไปหลอกมาดามอ้อยมา หรือว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกง
ทนายอาคม เผยด้วยว่า จากการเข้าเยี่ยมภรรยาของทนายตั้มพบว่ามีความเครียดอยู่แล้ว สิ่งที่เขาร้องขอคือเขาอยากประกันตัวชั่วคราว แต่ตนก็ได้บอกไปว่าขอให้การสอบสวนมีความคืบหน้าไปมากกว่านี้ หรือให้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีกหน่อย เพื่อให้ข้อเท็จจริงนิ่ง
ทนายอาคม ระบุว่า ส่วนในวันนี้ทนายตั้มจะยอมบอกข้อมูลข้อเท็จจริงแก่ตนทั้งหมดเพื่อช่วยภรรยาหรือไม่นั้น ตนตอบยาก อยู่ที่ตัวนายษิทราเอง เพราะตอนนี้คนที่อยู่รอบข้างนายษิทราโดนทุกคน รอบข้างลากเข้าไปเกี่ยวทุกคน แต่จะมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดมากน้อยเพียงใด หรือรู้เห็นในการกระทำความผิดมากน้อยขนาดไหนอยู่ที่แต่ละคน
เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ทนายตั้มจะยอมรับเพียงคนเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้คนรอบข้างโดนด้วยนั้น ทนายอาคม เผยว่า อันนี้ตอบยาก ต้องไปถามทนายสายหยุด เพราะเขาจะคุยได้ลึกกว่า เพราะว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ตนมาเยี่ยมนายษิทรา จึงไม่รู้ว่าเขาจะคุยกับเรามากน้อยแค่ไหน หรืออยากให้เข้าไปช่วยมากน้อยเพียงใด
ทนายอาคม ระบุต่อว่า วันนี้ที่ทางทนายเกิดผล เข้ามาเยี่ยมทนายตั้มเนื่องด้วยความเป็นเพื่อน ส่วนจะได้เยี่ยมหรือไม่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ และทราบว่าทางทนายเกิดผลได้มีการเตรียมใบแต่งตั้งทนายความมาด้วย แล้วก็อยู่ที่นายษิทราด้วยว่าจะยินยอมให้ทนายเกิดผลเข้าพบหรือไม่ ทั้งนี้ ปกติตามหลักแล้วทนายความของผู้ต้องขังสามารถมีได้ตั้งแต่ 3 - 5 ราย แต่หลักยังเป็นทนายสายหยุด และในการเข้าเยี่ยม เราไม่ได้เยี่ยมในฐานะญาติ แต่เราเข้าเยี่ยมในฐานะทนายความ จึงสามารถให้คำปรึกษาทางคดีหารือกันได้ พร้อมปิดท้ายว่าทนายสายหยุดดูแลคดีของทนายษิทรา และตอนนี้เรื่องมันก็งอกไปหลายเรื่อง 6 - 7 เรื่อง ดูแลคนเดียวอาจไม่ไหว เพราะเนื้อหาเยอะ และแต่ละเรื่องก็ค่อนข้างสลับซับซ้อน แต่ตนเชื่อว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา และหลังจากการพูดคุยน่าจะได้เห็นอะไรอีกเยอะ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมจากทาง ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายประจำตัวของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ว่า ในวันนี้ตนไม่ได้เข้ามาเยี่ยมทนายษิทรา เนื่องจากติดภารกิจ และยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวข้องในคดี คาดว่าในวันจันทร์หรือวันอังคารหน้าจึงจะได้เดินทางมาเยี่ยมแทน เพื่อหารือในแนวทางการต่อสู้คดีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พร้อมย้ำว่า ในส่วนของทนายอาคมจะรับผิดชอบดูแลคดีภรรยาของทนายตั้ม และตนเองยังรับหน้าที่ดูแลคดี 71 ล้านของทนายตั้ม และถือว่าเป็นการแบ่งหน้าที่งานรับผิดชอบคดีกันไป เพื่อไม่ให้หน้างานมันทับซ้อนกัน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี