ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ บุรีรัมย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุหนุ่มวัย 17 ขี่ จยย.ชนกองข้าวเปลือกที่ตากไว้บนถนนเต็ม 1 ช่องจราจรไม่มีสัญญาณไฟเตือน ได้รับบาดเจ็บถูกหามส่ง รพ. ชี้ผิด พ.ร.บ.ทางหลวงกีดขวางการจราจร แนะนำไปตากหน้าที่ว่าการ โรงพัก หรือลานชุมชนป้องกันอุบัติเหตุ เจ้าของข้าวรุดเยี่ยมคนเจ็บพร้อมเยียวยา
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่นายธนกฤต หรือเต้ย อายุ 17 ปี ชาวบ้านโคกรัก ต.โกรกแก้ว อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ขับขี่รถจักรยานยนต์ จะไปหาแฟนสาวในพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ แต่พอขี่ จยย.ไปถึงถนนสายบ้านประดาจะบก - บ้านโคกศรีละคร ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ ได้พุ่งชนกองข้าวเปลือกที่มีการเทกองและตากไว้บนถนนเต็ม 1 ช่องจราจร หรือ 1 เลน เมื่อคืนวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากถนนสายดังกล่าวไม่มีไฟส่องสว่างประกอบกับจุดที่ชาวนานำข้าวเปลือกมาตากไม่มีการติดตั้งสัญญาณไฟหรือป้ายเตือนผู้ขับขี่ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ
ต่อมาวันนี้ (22 พ.ย.67) พ.ต.อ.วิศิษฏ์ บัวสง่าวงศ์ ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.ศิววงศ์ สุดาปั่น สวป.ฯ สภ.เฉลิมพระเกียรติ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และชุดสืบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ยังพบข้าวเปลือกตากอยู่บนถนนบริเวณจุดเกิดเหตุ แต่วันนี้เจ้าของข้าวได้นำกรวยยางสะท้อนแสง และธงแดงมาติดตั้งเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้ขับขี่ได้เห็น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ประชาสัมพันธ์แนะนำให้เกษตรกร นำข้าวเปลือกไปตากที่หน้าที่ว่าการอำเภอ ลานหน้าโรงพัก หรือลานโล่งในชุมชน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ แต่นายสุรินทร์ และนางจิ๋ว พึ่งกิ่ง สองสามีภรรยาเจ้าของข้าวเปลือกก็ขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่และผู้ใช้รถใช้ถนนขอเวลาอีกแค่ 2 วัน จะตากข้าวแห้งแล้วก็จะเก็บ เพราะหากย้ายสถานที่ตากตอนนี้ก็จะต้องจ้างคนช่วยขนย้ายทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก แต่รับปากว่าช่วงกลางคืนจะรวบกองข้าวเปลือกไปไว้ริมถนนมากที่สุด และจะติดตั้งสัญญาณไฟและกรวยสะท้อนแสงให้ผู้ขับขี่มองเห็นชัดเจนมากขึ้น
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งสองสามีภรรยา เจ้าของข้าวเปลือก ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมนายธนกฤต หรือเต้ย ผู้บาดเจ็บซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านแฟนสาว พร้อมรับปากจะเยียวยาทั้งค่าเสียเวลาที่ไม่ได้ไปทำงาน และอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นด้วย
พ.ต.ต.ศิววงศ์ สุดาปั่น สวป.สภ.เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า ปกติช่วงฤดูเก็บเกี่ยวทาง สภ.เฉลิมพระเกียรติ ก็จะออกมาประชาสัมพันธ์ทุกปีว่าให้ชาวนานำข้าวไปตากที่หน้าที่ว่าการอำเภอ หน้าโรงพัก หรือตามลานของชุมชน เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้สัญจร ซึ่งทุกปีก็จะตากกันอยู่ราว 2 เดือน คือ ช่วง ต.ค.- พ.ย.ซึ่งการตากข้าวบนถนนจริงแล้วเป็นความผิดตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดติดตั้ง แขวน วางหรือกองสิ่งใดในเขตทางหลวงในลักษณะที่เป็นการกีดขวางหรืออาจเป็นอันตรายแก่ยานพาหนะ หรือในลักษณะที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวงหรือความไม่สะดวกแก่งานทาง” เพราะหากตากบนถนนแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น เจ้าของข้าวต้องรับผิดชอบทั้งคดีแพ่งและอาญา ส่วนเคสนี้ก็จะมีการสอบปากคำทั้งสองฝ่ายและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ด้านนายสุรินทร์ บอกว่า ทุกปีที่ผ่านมาก็จะนำข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวแล้วไปตากตามลานวัดลานชุมชนบ้าง แต่ปีนี้เห็นชาวนาเอามาตากตามถนนกันเยอะตนก็มาตากเหมือนกับคนอื่นๆ เพราะการตากบนถนนลาดยางจะแห้งเร็วกว่าตากตามลานหญ้า แต่ช่วงที่เก็บเกี่ยวแรกๆ ลานวัด หรือลานชุมชนที่เป็นปูนจะไม่ว่างเพราะเก็บเกี่ยวพร้อมกัน ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่ตนนำมาตากบนถนน ก็มีการนำธงแดงหรือกรวยมาวางเอาไว้ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งหลังจากตำรวจมาแนะนำว่าจริงแล้วไม่สามารถตากบนถนนได้เพราะผิดกฎหมาย พร้อมแนะให้นำข้าวไปตากหน้าอำเภอ หน้าโรงพัก หรือลานในชุมชนแทน ตนก็ขอเวลาอีก 2 วันตากให้เสร็จแล้วจะเก็บปีหน้าก็จะไม่ตากตามถนน ส่วนตัวก็รู้ว่าผิดกฎหมายแต่ช่วงที่เกี่ยวพร้อมกันลานมันไม่พอ และตากบนถนนจะแห้งเร็วกว่า - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี