ศาลอาญาพิพากษา คดี “แชร์ลูกโซ่”หลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุนเหยื่อ3พันราย -เสียหายมากกว่า1.5พันล้าน ลงโทษจำคุกจำเลย บ.คอเซ็ปต์ซีรี่ส์จำกัด กับพวก รวม7คนๆละ 17,065 ปี กฎหมายให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน20ปี
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ตามที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564ให้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 63/2564 กรณีประชาชนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับบริษัทคอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ จำกัด กับพวกรวม 7 ราย ซึ่งมีพฤติกรรมในการหลอกลวงประชาชนให้เข้าร่วมลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับการบริการให้เช่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์บนระบบคลาวด์ด้วยเทคโนโลยี “สโตเรจบล็อก”อันเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ มีประชาชนที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง เป็นจำนวน 3,431 ราย มีมูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น จำนวน 1,558,120,345.82 บาท
ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนเสร็จสิ้นภายในเวลา 6 เดือน และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 ได้พิจารณาสำนวนการสอบสวนแล้วมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นจำเลยต่อศาลอาญา ในคดีหมายเลขดำที่ อ 1616/2565 แล้วนั้น
ตลอดระยะเวลาในการพิจารณาคดี พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 ได้พิจารณาวางแนวทางการนำเสนอข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอย่างมีระบบเป็นขั้นเป็นตอน
กระทั่ง เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ 3668/2567 ในคดีเรื่องดังกล่าวโดยพิพากษาว่า บริษัทคอนเซ็ปต์ซีรี่ส์ จำกัด จำเลยที่ 1 นายศุภสรร(สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 2 บริษัทสโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์ม จำกัด จำเลยที่ 3 โดยมีนายศุภสรร จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการบริษัท นางสาวพิมพ์ณดา (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 4 เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการบริษัททั้งสองแห่ง นายจักรพันธ์ (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 5 เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการบริษัททั้งสองแห่ง และนางสาวสุภาพร (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 7 มีหน้าที่จัดการด้านการเงินของบริษัทและมีหน้าที่ในการเบิกถอนเงินเพื่อจ่ายผลตอบแทนให้ผู้เสียหาย
ผู้ต้องหามีความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และที่ 7 เป็นการหลอกลวงผู้เสียหายหลายครั้งหลายคราวต่างคนต่างวาระกันจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกแต่ละคราวเป็นความผิด 3,413 กรรม ให้เรียงกระทงลงโทษจำคุกตามผู้เสียหายแต่ละคนทุกกระทงไปลงโทษปรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทงละ 500,000 บาท รวม 3,413 กระทง แล้วปรับจำเลยที่ 1 และที่ 3รายละ 1,706,500,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 7 กระทงละ 5 ปี รวม 3,413 กระทง เป็นจำคุกคนละ 17,065 ปี
โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ปรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 รายละ853,250,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 6,826 ปี กับอีก 20,478 เดือน
แต่ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มีระวางโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 10 ปี ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ศาลลงโทษผู้กระทำผิดทุกกรรม เป็นกระทงความผิดได้ไม่เกิน 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) จึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 7 คนละ 20 ปี และให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และที่ 7 ร่วมกัน หรือแทนกันชำระเงินแก่ผู้เสียหาย และร่วมกันหรือแทนกันชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินที่ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย นับแต่วันที่เกิดเหตุจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 6 นางสาวกนกพร(ผู้ต้องหา)
กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนมายังพี่น้องประชาชนให้ใช้ความระมัดระวังในการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการถูกชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจที่มีการเสนออัตราผลประโยชน์ตอบแทนจำนวนที่สูงในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้ เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพได้โดยง่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี