วันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวความคืบหน้าทลายเครือข่ายหมอบุญ เจ้าของโรงพยาบาลดัง “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และฟอกเงิน”
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเริ่มต้นช่วงเดือนธันวาคม 66 มีผู้เสียหายแจ้ง ที่สน.ห้วยขวาง 1 คดี จากนั้น ปี 67 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา มีผู้เสียหายมาแจ้งความอีกหลายสิบคดี และพบว่าคดีเริ่มซับซ้อน มีผู้มาแจ้งความ รวม 520 คดี
เบื้องต้นพบส่วนใหญ่ เป็นความผิดทาง พ.ร.บ.เช็ค โดยพบว่าพฤติการณ์ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็น นักธุรกิจ แวดวงทางการแพทย์ หลงเชื่อ หมอบุญและ โบรกเกอร์ จะอ้างระดมทุนธุรกิจสร้างโครงการที่เกี่ยวกับธุรกิจทางการแพทย์ 5 โครงการ ได้แก่
1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง ย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบลงทุน 4 พันล้านบาท
2.โครงการ wellness Center ย่านพระราม3 มูลค่าลงทุน 4-5 พันล้านบาท
3.สร้างโรงพยาบาล ใน สปป ลาว 3 แห่ง
4.โครงการร่วมลงทุนกับโรงพยาบาล ในเวียดนาม งบลงทุน 4-5 พันล้านบาท
5.โครงการธุรกิจด้านไอที งบ 100 ล้านบาท
โดยกล่าวอ้างว่า เมื่อมีการลงทุนแล้ว ผู้ที่ร่วมลงทุนในปี 66 จะได้ผลกำไรประมาณ 700 ล้านบาท ปี 67 จะได้กำไร เป็น 1,000 ล้านบาท เมื่อช่วง เดือนกุมภาพันธ์ ปี 67 หมอบุญได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเองออกสื่อ ลงเว็บประชาสัมพันธ์ แจ้งการระดมทุน บอกว่าตัวเองมีธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ และอ้างว่าผลกำไรของการลงทุนดังกล่าว จะได้ค่าตอบแทนที่มากกว่าสถาบันการเงิน คนระดมทุนหลงเชื่อว่าจะได้กำไรตามที่กล่าวอ้าง
โดยกลุ่มผู้ต้องหามีการชักชวนผู้ลงทุนจำนวนมากในรูปแบบทำสัญญากู้ยืมเงินโดยให้ดอกเบี้ยกับผู้เสียหาย และได้จ่ายเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้เงินกู้ พร้อมทั้งเช็คเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า ในชื่อนายแพทย์บุญ โดยมีนางจารุวรรณ และนางณวรา บุคคลในครอบครัวเป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญา ในช่วงแรกให้ดอกเบี้ยกับผู้ที่เข้าร่วมลงทุนตามสัญญา แต่ต่อมาไม่ได้ชำระดอกเบี้ยตามกำหนด ในส่วนเช็คที่ออกไว้ให้ก็ไม่สามารถนำไปขึ้นเงินกับธนาคารได้ จึงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี
พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำหลักฐานขอศาลอาญาออกมาจับ นายแพทย์บุญ อายุ 86 ปี พร้อมภรรยา บุตรสาว และพวกรวม 9 คน เมื่อวันที่ วันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา หลังร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หลอกให้ร่วมลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ โดยมีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เอาผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 กรณีที่ไม่สามารถนำเช็คเงินสดของนายแพทย์บุญ ไปขึ้นเงินกับธนาคารได้ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ
โดยศาลอาญาได้ออกหมายจับนายแพทย์บุญ 5 ข้อหา คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาเช็คเด้ง หรือออกเช็คแล้วขึ้นกับธนาคารไม่ได้
ในการแถลงข่าว ตำรวจได้นำโมเดลที่ยึดได้ เป็นโครงการที่อ้างหลอกลงทุนและไม่มีอยู่จริง สัญญากู้ยืมเงิน ฉโนดที่ดิน 21 แปลง อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าได้มาตั้งแต่ปี 66 ที่กระทำผิดหรือไม่ และจากการตรวจสอบ รถยนต์ของหมอบุญที่มี 19 คัน หายไปทั้งหมด ตำรวจจะตรวจสอบว่าเอาไปซุกซ่อนที่ใด
ภายหลังออกหมายจับ ตำรวจกองบัญชาการ ตำรวจนครบาล และกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้เร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา เอาไว้ได้แล้ว จำนวน 6 คน ยังเหลืออีก 3 คน คือ นายแพทย์บุญ ภรรยาและบุตรสาว ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายแพทย์บุญ ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ในวันที่ 29 กันยายน 2567 ไปยังประเทศจีน ส่วนภรรยาและบุตรสาว อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ล่าสุดกรณีหมอบุญ ที่เดินทางไปต่างประเทศ ตำรวจได้ประสานกับกระทรวงการประเทศ ออกหมายแดง (red notice) ในการติดตามตัว ซึ่งมีข้อมูลว่าเดินทางจากฮ่องกงไปจีน
นอกจากนี้ ในการสืบสวนยังพบว่า มีผู้ถูกหลอกลงทุน เป็นจำนวนเงินตั้งแต่ 50-600 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ บุคลากรทางการแพทย์ ที่หลงเชื่อความน่าเชื่อถือในตัวหมอบุญ และโบรกเกอร์ โดยการเลือกเหยื่อ ทั้งสองส่วน มีการพูดคุยแนะนำกันว่าจะหลอกเหยื่อ ที่มีเงินจำนวนมาก
ขณะนี้มีผู้เสียหาย 247 คน มูลค่าความเสียหาย 7,500 ล้านบาท เริ่มมีการแจ้งความ ปี 66 – พฤษภาคม ปี 67 เริ่มมีผู้เสียหาย เพราะไปขึ้นเงินเช็คไม่ได้ เช็คเด้ง ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางเงิน ว่าเมื่อได้เงินลงทุนแล้ว เอาไปที่ไหน หากใครได้รับเงินตำรวจ อยู่ระหว่างตามหาเงิน 7,500 ล้านบาท ว่ามีการเอาไปซุกซ่อนที่ไหน ซึ่งภรรยา-ลูก ที่มีความผิด เพราะเป็นตัวการร่วม ในการ เซ็นสลักหลังเช็ค เป็นการค้ำประกัน ลงรายชื่อสัญญาเงินกู้ด้วย พฤติการณ์ชัดเจนว่ามีการแบ่งหน้าที่กันทำ หากมีผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกงเพิ่มเติมสามารถมาแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
นอกจากนายแพทย์บุญแล้ว ศาลยังได้ออกหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิดอีก 8 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ได้แก่
นางสาวจิดาภา อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัวนายแพทย์บุญ
นางสาวศิวิมล อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน
นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี ภรรยาของ นายแพทย์บุญ
นางสาวนลิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ
นางอัจจิมา อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน
นายภาคย์ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ ผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน
นางภัทรานิษฐ์ อายุ 55 ปี เป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน ผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน
นายธนภูมิ อายุ 36 ปี ตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี