ฟังจากปาก 2 คนใกล้ตัว "ทนายสายหยุด" หยุดแล้ว ยุติทำคดีให้ "ทนายตั้ม" ด้าน "ทนายอาคม" เล่าเรื่องชวนอึ้ง
25 พ.ย.67 รายการ โหนกระแส วันนี้ พูดคุยกับทนาย สายหยุด เพ็งบุญชู หรือ ทนายปาเกียว ทนายคามส่วนตัวของทนายตั้ม ที่ล่าสุดออกมาเปิดเผยว่า จะขอยุติการทำหน้าที่ทนายความให้ทนายตั้ม จะชนวนเหตุเรื่องเงิน 39 ล้าน ที่ทนายสายหยุดเคยลั่นวาจาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าความผิดเรื่องนี้ ทนายตั้มผิดจริง จนจะเลิกเป็นทนายให้ทนายตั้ม
ทนายสายหยุด บอกว่า เมื่อเช้านี้ไปเยี่ยมทนายตั้ม ไปเล่าให้ฟังว่า นายเล็ก คนขับรถ ไปรับสารภาพกับพี่อ้อยหมดแล้ว ว่ารับเงินค่าจ้างจากทนายตั้ม 1 แสนบาท ให้ไปเอาเงินที่ไหน แล้วถูกสั่งให้ไปนั่งเฝ้าที่บ้านของพี่อ้อย ตนมองว่าถ้าจะมาอ้างว่าจ้างคนไปเอาของ จ้างไรเดอร์แค่ 200 บาทเท่านั้นล่ะ แต่การจ้าง 1 แสน มันผิดปกติเกินไป
แล้ว มาประกอบกับเอกสารหลักฐาน ที่เป็นสัญญา ที่อาจารย์ปานเทพเอามาเปิด ตนก็มีอยู่ แต่พอเอามาเทียบกัน มันไม่ตรงกัน เพราะตัวที่อยู่กับอาจารย์ปานเทพ มันมีการลงลายมือชื่อ แต่ตัวที่อยู่กับตนกลับไม่มี และวันที่ต่างๆ ก็ไม่ตรงกัน มันทำให้ตนไม่แน่ใจจริงๆ ว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ
แล้วเท่าที่ทราบ คดี 39 ล้าน ผู้กำกับ สน.บางซื่อ ที่ถูกพาดพิง ถูกตั้งกรรมการสอบแล้ว ความไม่ชอบมาพากลมันปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ ตนมองว่าลักษณะนี้ สู้ไม่ได้แน่ ถ้าสู้ไม่ได้ตนจะให้ทนายตั้มรับสารภาพไป แต่ปรากฏว่า เขาไม่ได้ฟ้องแยกเป็นคดีใหม่ แต่เขาฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกันหมด แล้วย่อยลงมาเป็นกรรม เป็นกรรม 71 ล้านก็กรรมหนึ่ง เรื่องรถเบนซ์ก็อีกกรรมหนึ่ง เรื่อง 39 ล้าน ถ้าเอาด้วยก็อีกกรรมหนึ่ง แน่นอนว่าทนายตั้มไม่สารภาพแน่ เขาบอกว่าเขาจะสู้หมด
สุดท้ายเมื่อเช้านี้พอได้คุยกับทนายตั้ม ทนายสายหยุดก็เลยบอกว่า ผมคงเป็นทนายให้ไม่ได้แล้ว เพราะที่ผ่านมา ถ้ามันก้ำกึ่ง มันมีทางไป ผมสู้เต็มที่ แต่จะให้มาพลิกจากดำเป็นขาว ผมทำไม่ได้ แล้วยิ่งมีเรื่องเอกสารหลักฐานอะไรที่จะต้องเอาไปเบิกความ ถ้าผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นของจริงหรือปลอม ตนก็คงไม่กล้าเอาตัวเองไปเสี่ยง
"แต่ฐานะว่าเป็นเพื่อนพี่น้องที่นับถือกันมา ให้ช่วยเหลือเรื่องคดีก็ช่วยได้ แต่จะให้ไปออกหน้าเป็นทนายความ ว่าความให้ทนายตั้ม ผมไม่เอาอีกแล้ว เพราะเห็นแล้วว่าจะเดินไปสู่อะไร"
ขณะที่ ทนายอาคม คงสวัสดิ์ หรือ ทนายโจ้ ทนายความของคุณเดือน ภรรยาของทนายตั้ม เล่าที่มาที่ไปที่ตนเข้ามาจัดการคดีนี้ เพราะภรรยาของตนมาขอ ให้ช่วยคุณเดือน เพราะคุณเดือนโดนคดีนี้ไปด้วย เพราะมีเส้นเงิน มีชื่อในโฉนดบ้านที่ไปซื้อมา โดยเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด
ถามว่าคนเป็นภรรยา จะไม่รู้จริงๆ หรือ ว่าสามีไปทำความผิดอะไรมา อันนี้ก็เป็นส่วนที่ต้องไปพิสูจน์กัน แต่ในมุมที่มองก็คือ คนที่อยู่รอบตัวตั้มเดือดร้อนกันไปหมด ไม่ว่าจะเมีย ลูกน้อง พี่สาวเมีย หรือใครต่อใครที่ตั้มใช้ให้ไปทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็โดนข้อหาร่วมกระทำความผิดหมด
ประเด็นที่ทนายอาคมติดค้างคาใจสุดๆ คือ การวางแผนจะยื่นขอประกันตัวให้คุณเดือน ภรรยาทนายตั้ม โดยจะเอาโฉนดบ้านหรูที่ซื้อมา ซึ่งเป็นชื่อของคุณเดือน ไปวางที่ศาล เพื่อเป็นหลักประกันให้คุณเดือนได้ประกัน โดยตอนแรกบอกว่า ทนายตั้มโอเค
แต่พอทนายอาคมไปคุยกับทนายตั้ม กลับได้คำตอบว่า “เอาโฉนดมาวาง แล้วผมจะเอาโฉนดที่ไหนประกันตัว”
ทนายอาคมฟังแล้วอึ้ง แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขา แต่เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งให้ตัดสินใจไม่ทำคดีให้เขา เพราะในมุมมองของตน การแสดงความบริสุทธิ์ในคดีนี้ ก็แค่เอาโฉนดไปวาง ถ้าตั้มผิดจริง ก็คืนโฉนดให้พี่อ้อยไป ถ้าไม่ผิดก็ได้บ้านคืน แต่ตั้มไม่ยอม
ตนมองว่า ประตูมีอยู่บานเดียว ออกได้คนเดียว แต่สิ่งที่ตั้มตัดสินใจวันนี้ คือการจะเบียดกันออก มันไม่มีทางทำได้ กลายเป็นว่ามันจะออกไม่ได้กันทั้งคู่
ทนายสายหยุด บอกอีกว่า บ้านหลังนี้ ซื้อมา 41 ล้าน ตกแต่งไปประมาณ 20 ล้าน แล้วยังมีเงินที่ถูกอายัดไว้อีก 28 ล้าน ทรัพย์สินรวมๆ ก็เกือบร้อยล้าน ก็ถือว่าแทบจะล้นจำนวนหนี้แล้ว เอาไปวางที่ศาล จะได้พิสูจน์กันไปเลย ถ้าผิดก็คืนพี่อ้อยเขาไปทั้งหมด มันก็แค่นั้น แต่พี่ทนายตั้มไม่ยอม มันก็เลยเป็นเรื่องที่เห็นไม่ตรงกันกับทนายอาคม และทนายสายหยุด นำมาสู่การตัดสินใจไม่ทำคดีต่อ
ทนายอาคม ยังเล่าอีกว่า ไปเยี่ยมเขามาเมื่อวันศุกร์ เขาถามตนคำแรกว่า “ผมจะรอดไหมพี่” ตนเคยบอกกับเขาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าคุกไปว่า ให้คืนเขาไปเถอะ ฝ่ายพี่อ้อยเขาก็ยืนยันหนักแน่นว่า เงินนี้เขาไม่ได้ให้ ถึงเวลาอยู่ในศาลยังไงเขาก็ฟังเจ้าของเงิน แนะนำเขาไปว่าให้คืนเงินเขาไป ตั้มเขาก็บอกผมว่า “คืนก็หมดตูดดิพี่”
วันที่เข้าไปเยี่ยมทนายตั้ม เขาร้องไห้ ทนายสายหยุดก็เสริมว่า “ร้อง ยังไงก็ร้อง เขาถามพี่โจ้ว่า ทำไมพี่เพิ่งมาเยี่ยมผม เหมือนกับว่าเขาไม่เหลือใครแล้ว” ซึ่งทนายอาคมก็บอกว่า ตนไม่ได้เยี่ยมเขาทันที รอจนผ่านไปผัดแรก ผัดสองผมเพิ่งไป เขาก็ไม่ได้ถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่มันก็มีน้ำตา น้องสาวเขาไปอธิบายให้ฟัง ว่าลูกฝากอะไรมาบอก เขียนอะไรมาถึงพ่อบ้าง ก็คิดว่าเขาอาจจะได้สำนึกบ้าง อันไหนผิดก็รับไป ก็เท่านั้น เงินก็คืนเขาไป จะมาพูดว่า ถ้าคืนก็หมดตูดสิครับ มันไม่ได้ มันเหมือนเขามั่นใจว่าเขาสู้ได้ เขาสามารถชนะคดีนี้ได้
ทนายสายหยุด บอกอีกว่า เขาอยู่ในนั้น เขาไม่ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร ญาติพี่น้องก็ไม่ได้รับรู้เรื่องความคืบหน้าคดีเหมือนที่พวกตนติดตาม ทำให้เขามั่นใจว่าสู้ได้
ทนายอาคม บอกอีกว่า ณ วันนี้ การที่ตนหรือสายหยุด ไปบอกเขาว่า ให้ถอย ให้หยุด ให้ยอม เขาไม่ฟัง เขาไม่เชื่อ แต่การที่ตนทั้งสองคนถอยออกมา ไม่ทำคดีให้เขา อาจจะทำให้เขาได้คิดมากขึ้น เพราะหมดสายหยุด ก็ไม่เหลือใครแล้วในสำนักงานเขา
ขอบคุณข้อมูล โหนกระแส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี