"สายหยุด"สละเรือยุติทำคดีให้"ทนายตั้ม" ประกาศขอหยุดก่อนจะสายเกินไป คงเหลือความสัมพันธ์แค่เพื่อน หลังเชื่อในหลักฐานว่า สู้คดี 39 ล้านบาทไม่ชนะ ด้าน"ทนายอาคม"แนะนำให้"เดชา"รับเป็นทนายความให้ตั้ม
25 พ.ย.67 นายสายหยุด เพ็งบุญชู อดีตทนายความของษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง และฟอกเงินเงินจำนวน 71 ล้านบาท ของนางสาวจตุพร อุบลเลิศ หรือ มาดามอ้อย เปิดเผยว่า เมื่อวันศุกร์ (22 พ.ย.) ที่ผ่านมา หลังจากที่ทนายอาคมเข้าไปพูดคุยแจ้งรายละเอียดในแนวทางการดำเนินคดีต่อ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะมีการรวมสำนวนคดี ทั้งในส่วนของคดีการฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน และคดีฉ้อโกงเงิน 39 ล้าน เป็นคดีเดียวกัน ซึ่งจากการพิจารณาของตนในเบื้องต้นมองว่า แนวทางการสู้คดีคงเป็นไปได้ยาก จึงได้แนะนำให้ทนายตั้มรับสารภาพในส่วนของการฉ้อโกงเงิน 39 ล้านบาท แต่ทนายตั้มปฏิเสธ ตนจึงตัดสินใจบอกเลิกสัญญาการเป็นทนายความให้กับทนายตั้ม
"ผมได้มีการบอกกล่าวให้ทนายตั้มทราบถึงเรื่องนี้แล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยทันทีที่ทนายตั้มทราบก็ดูจะรู้สึกโกรธตน แต่ก็อยากให้ทนายตั้มเคารพการตัดสินใจของตน ในเมื่อแนวความคิดในการต่อสู้คดีของตน และลูกความไม่ตรงกัน ก็ไม่สามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้ ทำให้ตนต้องตัดสินใจยกเลิกการเป็นทนายความให้กับทนายตั้ม และคงเหลือความสัมพันธ์ไว้แค่เพื่อนเหมือนเดิม ร่วมทั้งให้คำแนะนำทนายตั้ม หาทนายความที่มีความคิดตรงกันดีกว่า ซึ่งหลังจากนี้ไม่ว่า ใครจะรับทำคดีของทนายตั้มต่อก็คงจะต้องไปสอบเอาข้อมูลจากทนายตั้มและพิจารณาเอาเองว่า จะรับเป็นทนายหรือไม่"ทนายสายหยุด กล่าว
ส่วนกรณีที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต มีการนำเอกสารสัญญามาเปิดเผยต่อสื่อ และพบว่าเอกสารดังกล่าว ไม่ตรงกับเอกสารที่ตนมีเพราะไม่มีลายมือคู่สัญญา จึงมีความลังเลว่าอาจจะไม่ตรงกับต้นฉบับ ซึ่งสาเหตุดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตนบอกเลิกสัญญาการเป็นทนายให้กับทนายตั้มแต่ไม่ใช่สาเหตุหลัก
"ในส่วนที่ตั้มยืนยันว่า จะต่อสู้คดีต่อนั้นมองว่าทนายตั้มอาจจะมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ แต่ต้องบอกว่า เนื่องจากทนายตั้ม อยู่ในเรือนจำจึงไม่ได้รับรู้ข่าวสารภายนอกมากนักในขณะที่ตน อยู่ข้างนอกและเห็นข้อมูลผ่านสื่ออยู่ตลอด และเป็นข้อมูลใหม่ ที่มีความชัดเจนในคดีมากกว่า"ทนายสายหยุดกล่าว
ด้านนายอาคม คงสวัสดิ์ ทนายความดูแลคดีให้ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือเดือน ภรรยาของทนายตั้ม เปิดเผยว่า ตนไม่มีทางที่จะรับว่าความให้กับทนายตั้มอย่างแน่นอน เพราะมีการประชุมพูดคุยร่วมกับทนายสายหยุดแล้ว ก็เห็นหลักฐานว่าถึงต่อสู้ไปก็ไม่มีทางชนะคดี ส่วนสาเหตุที่ทนายตั้มยังยืนยันว่าจะขอต่อสู้คดีนั้น ตนมองว่าน่าจะมี 2 กรณี อย่างแรกคือทนายตั้มยังคงมั่นใจว่าจะสามารถชนะคดีได้ และกรณีที่ 2 คือ ทนายตั้มน่าจะรอให้คดีถึงชั้นศาลแล้วค่อยเจรจากับมาดามอ้อย แล้วตนมีความเห็นว่าอยากจะให้ทนายเดชา เข้ามาเป็นทนายความให้กับทนายตั้ม เพราะทนายเดชาเป็นผู้ที่มีความอาวุโส มีความสนิทสนมกับทนายตั้ม
ทนายอาคม ยังบอกอีกว่า ตนยังเป็นทนายความให้กับภรรยาของทนายตั้มในเฉพาะชั้นสอบสวนเท่านั้น ทันทีที่คดีถึงชั้นศาลตนจะยุติการเป็นทนายความ เพราะเชื่อว่ามีคนอื่นที่เหมาะสมกว่าตน และตนเชื่อว่าลูกความของตน ไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องเงินที่ทนายตั้มฉ้อโกงเงินมาดามอ้อยมาซื้อบ้าน ต้นก็ได้ให้คำแนะนำให้ลูกความของตนคืนบ้านและโฉนดที่ดินให้กับมาดามอ้อย แต่ทางทนายตั้มไม่ยินยอม ทำให้ลูกความของตนไม่สามารถทำได้ เพราะผู้ต้องหา 2 คนมีการจดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งสินสมรสจำเป็นต้องมีการยอมความทั้งสองฝ่าย โดยขณะนี้ตนได้มีการยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 500,000 บาท เพื่อใช้ประกันตัว ซึ่งศาลอยู่ระหว่างการพิจารณา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี