‘เมีย-ลูกหมอบุญ’นอนคุก
ศาลไม่ให้ประกันตัว
ตร.ขอออกหมายแดง
หลังเผ่นหนีไปตปท.
ตำรวจคุมตัวอดีตเมีย-ลูกสาว “หมอบุญ”ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงฯ หลังจากร่วมกับพวก ตุ๋นเหยื่อลงทุน สูญเงินกว่า 7.6 พันล้านบาท ไปฝากขัง ศาลคัดค้านการประกัน เจ้าหน้าที่ส่งตัวเข้าเรือนจำ ด้าน ผบ.ตร.ประสานตำรวจสากล ออกหมายแดง ล่าตัวหมอบุญ ยันหลักฐานถึงใครจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีศาลอาญาออกหมายจับ นพ.บุญ หรือ ‘หมอบุญ’ วนาสิน อายุ 86 ปี ผู้ก่อตั้ง รพ.ธนบุรี และ รพ.ในเครือ , นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี อดีตภรรยา และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ลูกสาว พร้อมพวก รวม 9 คน ในข้อหาฉ้อโกง สมคบกันฟอกเงิน และ พ.ร.บ.เช็ค หลังจากเปิดโครงการใหญ่หลายโครงการ แต่ไม่ได้ดำเนินการจริง แล้วหลอกให้ผู้เสียหายนำเงินมาร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ จนมีผู้เสียหายกว่า 247 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 7,600 ล้านบาท ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว 6 คน ส่วนอดีตภรรยาและลูกสาวของหมอบุญ ติดต่อขอเข้ามอบตัว ก่อนจะถูกสอบสวนและฝากขังไว้ชั่วคราวที่ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา สน.พญาไท ว่าช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ทางตำรวจได้เบิกตัวอดีตภรรยาและลูกสาวของหมอบุญ เพื่อส่งมอบต่อพนักงานสอบสวน
จากนั้นทางพนักงานสอบสวน ได้ควบคุมตัวนางจารุวรรณ และ น.ส.นลิน อดีตภรรยาและลูกสาวของหมอบุญ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกงประชาชน สมคบกันฟอกเงิน และความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค เดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อขออำนาจศาลฝากขังเป็นครั้งแรก มีกำหนดเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน-6 ธันวาคม 2567 ทั้งนี้ เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานเป็นจำนวนมาก รอผลตรวจสอบประวัติอาชญากรของผู้ต้องหา รวมทั้งต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางในคดี และอื่นๆ
ทั้งนี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ได้ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีลักษณะกระทำการเป็นขบวนการ คดีมีอัตราโทษสูง ผู้เสียหายมีจำนวนมาก รวมถึงจำนวนทุนทรัพย์สูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และหลบหนี ซึ่งศาลพิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ ขณะที่ทนายความของผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 2 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ต่อมาศาลอาญาพิจารณาแล้ว มีคำสั่งว่าเนื่องจากตามคำร้องขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวมีเอกสารประกอบคำร้องที่ศาลต้องพิจารณาเป็นจำนวนมาก จึงให้ไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาทั้งสอง ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น.ดังนั้นในชั้นนี้ ให้หมายขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้ก่อน โดยให้เบิกตัวผู้ต้องหาทั้งสอง มาศาลเพื่อไต่สวน วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567
ทั้งนี้ เมื่อศาลมีคำสั่งให้ออกหมายขังผู้ต้องหาทั้งสอง ในวันเดียวกันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กล่าวก่อนประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับหมอบุญ ว่าคดีนี้ผู้ต้องหาทุกคนจะไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยผู้ต้องหาทั้งหมด 9 คน ขณะนี้จับกุมตัวและมีการเข้ามอบตัวแล้ว รวม 8 คน ซึ่งตนได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาและมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เนื่องจากถือว่าเป็นคดีใหญ่ มีผู้เสียหายหลายราย ต้องมีการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าหมอบุญ เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เจ้าตัวอาจรู้ตัวก่อน แต่ผู้เสียหายเริ่มเข้ามาร้องทุกข์ทีหลัง ซึ่งตนคิดว่าเจ้าตัวมีเจตนาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ต่อข้อถามว่าแบบนี้จะตรวจสอบเส้นทางการเงินได้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ยังไล่เส้นทางการเงินอยู่ เพราะอย่างไรเรื่องการฟอกเงิน ก็ต้องโดน ส่วนเรื่องการติดตามตัว กำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ และประสานกับองค์การตำรวจระหว่างประเทศ หรือตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล ดำเนินการ ยืนยันว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้มาก โดยเฉพาะพฤติการณ์เรื่องฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนที่ขยายวงกว้าง ทำให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเทศปลายทางที่หมอบุญ หลบหนีไป มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า กำลังสืบสวนอยู่ว่าอยู่ประเทศไหน และต้องดูสนธิสัญญาระหว่างกัน ว่าจะส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างไร ซึ่งขณะนี้กำลังประสานอินเตอร์โพล และมีการสืบสวนในเชิงลึกอยู่
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันเดียวกัน พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวถึงการติดตามตัวหมอบุญ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าหลบหนีไปอยู่ประเทศจีน ว่าจะต้องมีการตรวจสอบแหล่งที่อยู่ให้ชัดเจนเสียก่อน แต่เชื่อว่าน่าจะมีการเตรียมการล่วงหน้า โดยระหว่างนี้กองการต่างประเทศ อยู่ระหว่างจัดทำหมายแดง และประสานตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล เพื่อให้ติดตามตัวผู้ต้องหา หากประเทศใดมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย ก็สามารถดำเนินการได้ทันที โดยในส่วนของประเทศจีน มีสัญญาส่งผู้ข้ามแดนระหว่างกันอยู่ ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ก็มีความร่วมมือในด้านต่างๆ ร่วมกันเป็นอย่างดี
ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม หากพบหลักฐานพาดพิงถึงใครจะจะพิจารณาขออำนาจศาลออกหมายจับเพิ่ม ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหมอบุญ อายุมากแล้วจะเอาเงินจำนวนมากไปทำอะไร อาจจะมีผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ขอย้ำว่าหากตำรวจพบพยานหลักฐานว่ามีใครที่เกี่ยวข้อง ก็จะพิจารณาดำเนินคดีอย่างแน่นอน
รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่อดีตภรรยาหมอบุญ อ้างว่าถูกปลอมแปลงลายเซ็นในเอกสาร ก่อนจะมีการฉ้อโกงประชาชนนั้น คงต้องขอตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งช่วงเวลาการหย่าร้าง การประกาศโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมลงทุน การเซ็นสัญญาการกู้ยืมเงิน การลงลายมือชื่อเป็นพยาน รวมถึงเส้นทางการเงิน ตั้งแต่ผู้เสียหายโอนเงิน ทั้งเงินสด เช็ค มีการโอนออกไปให้ใคร ยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติมทั้งหมด
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ตรวจสอบคดีตั้งแต่ปี 2566 ที่มีการแจ้งความคดีเกี่ยวกับเช็ค เป็นคดีแรก ว่าเหตุใดถึงล่าช้า แต่เมื่อถึงช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา กลับพบว่าเริ่มมีผู้เสียหายมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จนเชื่อว่าไม่ใช่เพียงแค่คดีเช็ค หรือกู้ยืมเงิน อีกทั้งเมื่อตรวจสอบสิ่งก่อสร้างตาม 5 โครงการที่กล่าวอ้าง กลับไม่มีอยู่จริง จึงเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน และการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเรื่องนี้ทาง ผบช.น.สั่งการให้เร่งรัดดำเนินคดี จึงมีการขออำนาจศาลออกหมายจับหมอบุญ กับพวก รวม 9 คน โดยเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ หากประชาชนรายใดได้รับความเดือดร้อนหรือเป็นผู้เสียหาย ขอให้รีบความดำเนินคดีทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี