‘อธิบดีดีเอสไอ’เผยสอบสวนพบเส้นเงิน‘สามารถ’ช่วงปี 64-66 จำนวน 100 ล้าน เชื่อมโยงบุคคลที่ถูกออกหมายจับ ชี้เจ้าตัวปฏิเสธความผิด แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มัด‘สามารถ’คนใช้เงินบัญชีแม่ตัวจริง
26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบและโฆษกดีเอสไอ , ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐและโฆษกดีเอสไอ และนายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา แถลงกรณีควบคุมตัวนายสามารถ และนางวิลาวัลย์ ซึ่งเป็นมารดา ผู้ต้องหาร่วมกันและสมคบกันฟอกเงินอาญา กรณีดิไอคอนกรุ๊ป ก่อนนำตัวส่งฝากขังศาลอาญา
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า วานนี้ (25 พ.ย.67) เวลาประมาณ 23.00 น. พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายสามารถ มาสอบปากคำตามกระบวนการ และมีการแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหารับทราบ โดยเบื้องต้น นายสามารถ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอยื่นคำให้การแก้ข้อหาภายใน 15 วัน ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดฐานฟอกเงิน แต่เป็นลักษณะการเงินยืมและเงินทำบุญตามที่มารดาได้ให้ข้อมูลในทำนองเดียวกัน หลังจากสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะนำตัวฝากขังศาลอาญาทันที
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า สำหรับเส้นทางการเงินโอนจากนายวรัตน์พล หรือ “บอสพอล” 2.5 ล้านบาท มายังนายสามารถ และแม่ ที่ระบุเป็นค่าดูแลใช่หรือไม่นั้น ทางผู้ต้องหาทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ให้การปฏิเสธ โดยการให้ปากคำระบุว่าเป็นเงินที่โอนมาให้ทำบุญและเป็นเงินกู้ยืมที่ยืมมาจากบอสพอล แต่ไม่ได้ระบุถึงเหตุผลว่ากู้ยืมไปใช้ทำอะไร ทั้งนี้เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะให้การหรือให้การอย่างไรก็ได้ เพื่อแก้ข้อกล่าวหา หากไม่รับสารภาพก็ต้องอ้างเหตุผลซึ่งเป็นเรื่องปกติ รวมทั้งเส้นทางการเงินจะไปเชื่อมโยงบุคคลใดนั้น ในชั้นสอบสวนพบคนที่เกี่ยวข้องเป็นบุคคลที่ออกหมายจับ
“สำหรับความเชื่อมโยงทางการเงินกับบุคคลอื่นๆ เป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับและบุคคลที่ต้องสอบสวนดำเนินการเพิ่มเติม คือ นายกลด หรือบอสปีเตอร์ ที่มีเงินโอนมารวมประมาณ 500,000 บาท ส่วนบุคคลอื่นหรือเงินที่มาจากแหล่งอื่นโอนเข้ามากว่า 100 ล้านบาทในบัญชีแม่ของนายสามารถ ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่พบว่าเกิดในช่วงปี 2564-2566 รวมทั้ง น.ส.กฤษอนงค์ จะเกี่ยวข้องเส้นทางการเงินหรือไม่ ยังไม่ปรากฏข้อมูล” พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าว
พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า ส่วนหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเป็นการฟอกเงินนั้น เป็นการรับโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดลักษณะมีเจตนาปิดบังอำพราง เพราะเชื่อว่านายสามารถเป็นผู้ใช้บัญชีนี้ แต่มีการโอนเงินผ่านมายังบัญชีของมารดา เสมือนเป็นการปกปิดอำพราง ซึ่งตามพยานหลักฐานบัญชีเป็นชื่อของมารดาแต่ผู้ใช้บัญชี คือ นายสามารถ รวมถึงมีคลิปเสียง พยานบุคคลยืนยัน พร้อมกับมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สอดคล้องกัน ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะอยู่ในสำนวน โดยพนักงานสอบสวนของดีเอสไอเตรียมที่จะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาบอสพอลในเรือนจำ มูลความผิดฐานฟอกเงินเพิ่มในเร็วๆนี้ด้วย
ส่วนประเด็นที่มีการระบุว่าในดีเอสไอมีหนอนบ่อนไส้ คอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวให้กับนายสามารถ ก่อนจะไหวตัวทันและหนีไปอ้างว่าไปทำบุญที่ จ.เชียงรายนั้น พ.ต.ต.ยุทธนา ยืนยันว่าไม่มี แต่อาจเป็นการเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวมากกว่าเพราะเรื่องเงินของนายสามารถปรากฏเป็นข่าวมาสักพักแล้ว
ส่วนระหว่างที่สอบปากคำนายสามารถ แล้วมีนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เข้ามารับฟังด้วยนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า นอกจากทนายความ ที่เข้ารับฟังได้ด้วยแล้ว ผู้ต้องหายังมีสิทธิ์ให้ผู้ที่ไว้วางใจเข้าร่วมฟังการสอบสวนได้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย “โดยเปิดโอกาสให้ได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่และเป็นหน้าที่ของเราที่จะพิสูจน์ความผิดของเขา” ซึ่งการตอบคำถามต้องเป็นตัวผู้ต้องหาเอง
อธิบดีดีเอสไอ ระบุอีกว่า ในระหว่างสอบปากคำมารดาของนายสามารถ มีความเครียด เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ ส่วนตัวของนายสามารถ ก็มีความเครียดเช่นกัน ส่วนคำให้การยังไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐาน อีกทั้งบัญชีแม่นายสามารถ เป็นหนึ่งในอีกหลายๆบัญชีม้าหรือไม่นั้น ก็อาจเป็นไปได้ ส่วนนายสามารถ จะโอนถึงใครบ้างอยู่ระหว่างตรวจสอบ
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนมีมติร่วมกันแล้วว่าจะคัดค้านการประกันตัว นายสามารถและมารดา เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีพฤติการณ์ต่างๆ ที่เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี