จนท.ฝ่ายปกครองอำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ รวบสองผัวเมียวัย 20 ริเป็นแก๊งทวงหนี้ และแอบปล่อยกู้เองดอกสุดโหด หลังแม่เจ้าอาวาสที่เป็นหนึ่งในลูกหนี้เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือเพราะทนไม่ไหวทั้งที่ยอดเงินต้นสะสม 46,000 จ่ายไปแล้วกว่า 2 แสน ยังถูกตามทวงกดดันข่มขู่ทั้งกลางวันกลางคืนจนหวาดกลัว วันไหนหาเงินจ่ายไม่ได้ก็จะถูกบังคับให้เอาของมีค่าในบ้านมาให้แทน
27 พ.ย.67 นางรัชนีกร สวัสดิ์พูน ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มบริหารงานปกครอง รักษาการนายอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้นายธนธรณ์พล ไขว้พันธ์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง และนายจักร์กฤษ ร่วมกูล ปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรม นายชาญวิทย์ วงศ์สัมพันธุชัย ปลัดอำเภอ นำเจ้าหน้าที่กองร้อย อส.นางรอง ติดตามจับกุมแก๊งทวงหนี้นอกระบบ และนายทุนที่ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด หลังจากที่นางประภาวัลย์ อายุ 60 ปี (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นแม่ของเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ในอำเภอนางรอง เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรองว่า ถูกแก๊งทวงหนี้ข่มขู่บังคับเรียกเก็บดอกเบี้ยสูงกว่าอัตรากฎหมายกำหนด หากวันไหนหาเงินจ่ายไม่ได้ก็จะมากดดันทวงถามทั้งกลางวันกลางคืนและบังคับให้นำทรัพย์สินมีค่ามาให้แทนเพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
โดยป้าประภาวัลย์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ตนได้กู้เงินกับสองสามีภรรยา ที่มาตระเวนปล่อยกู้ เพื่อนำไปหมุนเวียนใช้จ่ายรวมยอดสะสม จำนวน 46,000 บาท เขาจะเก็บแบบดอกลอย โดยเก็บดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ ทุกวัน วันละ 920 บาท จนกว่าจะมีเงินก้อนไปปิดต้นถึงจะหยุดเก็บ ซึ่งตนก็จ่ายดอกเบี้ยมาตลอด วันละ 920 บาท เป็นระยะเวลา 7 เดือน จากนั้นต้นเดือนตุลาคม 2567 ก็ได้นำเงินก้อนไปจ่ายให้เขา 10,000 บาท เขาก็บอกว่า ยังเหลือยอดอีก 36,000 บาท ทั้งที่ตนจ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยรวมกันไปแล้วเกือบ 200,000 บาท แต่ทั้งสองผัวเมียก็ยังเรียกเก็บดอกเบี้ยต่ออีกวันละ 720 บาท มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายน รวมทั้งสิ้นกว่า 200,000 บาทแล้ว ทั้งที่เงินต้นเพียง 46,000 บาท แต่ก็ยังถูกตามทวงทั้งกลางวันกลางคืนข่มขู่บังคับจะเอาเงินให้ได้ จนเกิดความหวาดกลัว จึงตัดสินใจไปบอกลูกชายซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง และเข้าร้องขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ดำรงธรรม
หลังรับเรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองก็ได้วางแผนจับกุมนายเอ และ น.ส.บี อายุเพียง 20 ปี ซึ่งเป็นสามีภรรยากันภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอปะคำ จ.บุรีรัมย์ ขณะที่ทั้งคู่ขับรถยนต์มาติดตามทวงหนี้ในเขตเทศบาลเมืองนางรอง ก่อนจะนำตัวทั้งคู่ไปสอบถามรายละเอียดที่ศูนย์ดำรงธรรม โดยทั้งคู่อ้างว่า เป็นเพียงคนติดตามทวงเงินให้กับนายทุนเท่านั้น โดยได้ค่าจ้างเดือนละ 6 พันบาท แต่พอเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีหลักฐานว่าบางส่วนมีการปล่อยกู้เอง ทั้งคู่จึงยอมรับว่าพอเก็บทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้นายทุนครบตามยอดแล้ว หากรายยังไม่มีเงินก้อนปิดก็จะเก็บต่อเอง และอ้างว่าเพิ่งจะเก็บต่อเพียงป้าที่ไปร้องเรียนรายเดียว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้ทำบันทึกที่ศูนย์ดำรงธรรม เข้าระบบศูนย์อำนวยการการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งทั้งคู่ก็รับปากกับเจ้าหน้าที่ว่าจะหยุดเก็บทั้งต้นและดอกเบี้ยจากป้ารายดังกล่าว และจะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือบังคับข่มขู่เรียกเงินจากป้าอีก หากไม่ทำตามที่ข้อตกลงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี