เมีย-ลูกร่ำไห้คาศาล
คดี‘หมอบุญ’ฉ้อโกง
ศาลไม่ให้ประกันตัว
เหยื่อยังแห่แจ้งความ
ราชทัณฑ์เบิกตัวเมีย-ลูก“หมอบุญ”ฟังคำไต่สวน ร่ำไห้กลางศาล ทนายเผยลูกความป่วย หวังสู้คดีนอกคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว ชี้มูลค่าเสียหายสูง หวั่นหลบหนีส่วนผู้เสียหายยังแห่แจ้งจับหมอบุญ รายวัน
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความของนางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี อดีตภรรยาและบุตรสาว นพ.บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี หรือหมอบุญ ผู้ก่อตั้ง รพ.ธนบุรี และบริษัทในเครือ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกง สมคบกันฟอกเงินและความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค กล่าวว่า ศาลได้นัดไต่สวนการขอประกันตัวนางจารุวรรณ และ น.ส.นลิน ที่ยื่นเอกสารหลักฐานต่อศาลเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนในรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผยเนื่องจากเป็นเงื่อนไขของศาล แต่ยอมรับว่ามีความกังวลในเรื่องของลูกความที่มีอายุมาก อยากให้ได้รับการปล่อยตัวมาต่อสู้คดีภายนอกเรือนจำ จึงขอความเมตตาและความเห็นใจจากศาล เชื่อว่าหากลูกความจะไม่เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดีอย่างแน่นอน เพราะเป็นคนธรรมดา ไม่ได้มีอิทธิพลใดๆ
นายชำนาญ กล่าวภายหลังยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสอง ว่าได้แถลงต่อศาลว่าจำเลยทั้งสอง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนีหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานและพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งคัดรวมถึงเหตุผลเดิมเรื่องของลายมือชื่อปลอมและปัญหาด้านสุขภาพ แต่พนักงานสอบสวนให้เหตุผลในการคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง กรณีนี้ตนไม่อยากก้าวล่วงศาล ทุกอย่างได้นำเสนอต่อศาลไปหมดแล้ว จึงขึ้นอยู่กับศาลจะเมตตา
นายชำนาญ กล่าวถึงกรณีที่ลูกความทั้งสองมีอาการเครียดถึงกับร้องไห้ในห้องพิจารณา ว่าเป็นเรื่องปกติเพราะทั้งคู่เคยใช้ชีวิตอยู่แต่ภายนอกเรือนจำ อีกทั้งมีปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยลูกสาวหมอบุญ ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ตนคงไม่ขอพูดอะไรมากเพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าโรคนี้อาการเป็นอย่างไร หากพูดตอกย้ำจะยิ่งทำให้แย่ลงได้ ส่วนอดีตภรรยาหมอบุญ ก็มีปัญหาหลายอย่างเกี่ยวกับผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม หากศาลพิจารณายกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ทางทีมทนายและลูกความจะมีการหารือกันอีกครั้ง
สำหรับเรื่องคดีทางทนายความยืนยันว่า จำเลยทั้งสองยืนยันคำให้การเดิมต่อหน้าศาลว่าไม่รู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของการปลอมลายเซ็น โดยมีการนำเอกสารเก่ามาตรวจสอบพบเป็นการปลอมลายเซ็นอย่างแน่นอน ส่วนที่หลายคนมองว่าการกล่าวอ้างเรื่องการหย่าในครอบครัวเป็นการหย่าปลอมๆนั้น เป็นสิทธิของทุกคนที่จะคิดได้ ทั้งนี้ลูกความทั้งสองไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ ขอเพียงของใช้ส่วนตัวเท่านั้น โดยภายหลังการไต่สวนศาลอาญาจะนัดฟังคำสั่งอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่หมอบุญ หลบหนีไปประเทศจีน ทางทนายความ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้ติดต่อไปหาหมอบุญแต่อย่างใดเพราะไม่มีช่องทางและไม่ใช่ทนายความของหมอบุญเมื่อถามถึงเหตุผลที่ไม่ไปแจ้งความพื้นที่เกิดเหตุ ทนายความระบุว่า เพราะลูกความตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน เพิ่งรู้ตอนที่มีการฟ้องร้องจากผู้เสียหายจำนวนมากจึงรวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดเข้าแจ้งความกับตำรวจ บก.ปอศ.
ส่วนกรณีที่ตำรวจจะนำคดีหมอบุญ กับพวกโอนไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษนั้น นายชำนาญ ระบุว่า โดยส่วนตัวมองว่าเป็นกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ต่อข้อถามถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับเพราะคาดว่ามีเส้นเงินเกี่ยวข้องถึงจำเลยทั้งสองทนายความ กล่าวว่า ไม่ทราบระเอียดทั้งหมดที่พนักงานสอบสวนเสนอต่อศาลขอออกหมายจับ ดังนั้นจะต้องไปพิสูจน์กันเพื่อยืนยันว่าลูกความตนนั้นถูกปลอมลายเซ็นจริงๆ
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังคงมีผู้เสียหายที่ถูกหมอบุญ หลอกให้ร่วมลงทุน เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยสถิติการรับแจ้งความในคดีนี้ พบว่ายอดผู้เข้าแจ้งความสิ้นสุดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการแจ้งความเพิ่มอีก 12 ราย มูลค่าความเสียหาย 88,313,184 บาท รวมยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 11พฤศจิกายนจนถึงปัจจุบัน หรือรวม 18วัน มีผู้เสียหายแจ้งความแล้ว 37 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 2,551,946,267บาท
ต่อมาเวลา 17.00 น.ศาลอ่านคำสั่งไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4,5 และ 16โดยที่ศาลพิจารณาในทางไต่สวนแม้ปรากฏว่าผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลอกลวงกลุ่มผู้เสียหาย และยืนยืนยันว่าลายมือชื่อในเอกสารหลายฉบับตามที่ปรากฏในคดีนี้เป็นลายมือชื่อปลอมก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้ต้องหาทั้งสองว่าปลอมหรือไม่ ทั้งพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายจำนวนมากคัดค้านการปล่อยชั่วคราวประกอบกับการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนยังต้องสืบสวนหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินและการติดต่อระหว่างกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติม
เมื่อพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาแล้ว คดีมีอัตราโทษสูง การกระทำมีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำความเสียหายมีมูลค่าสูงกว่า1 หมื่นล้านบาท หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง ยกคำร้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี