บีบหัวใจ!!! แม่เหยื่อคานเหล็กถ.พระราม2 ถล่ม เล่าทั้งน้ำตา"เหลือไม่กี่นาที ลูกชายก็เลิกงานแล้ว" เผยลูกสาววัย 3 ขวบไม่รู้พ่อเสียชีวิต ย่าเตรียมคำตอบถ้าถามหาพ่อ
จากกรณีที่ ทรัส (Truss) หรือโครงถัก ซึ่งเป็นโครงสร้างทางวิศวกรรมที่ใช้เพื่อรับภาระ (Load) ต่างๆ เกิดถล่มลงมาในช่วงระหว่างการก่อสร้าง บริเวณถนนพระราม 2 ฝั่งขาออก กทม. หน้าโชว์รูมสยามนิสสันสมุทรสาคร สาขามหาชัยเมืองใหม่ ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นเหตุให้คนงานเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 4 คน สูญหาย 2 คน บาดเจ็บ 9 คน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 04.30 น. เช้าตรู่ของวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นชาว จ.นครพนม ทราบว่าชื่อ นายอภิวัฒน์ พะพันทาง หรือโจ้ อายุ 30 ปี เสียชีวิตคาที่ในซากของคานเหล็กดังกล่าว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง ต.วังตามัว อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของนายสำเริง พะพันทาง อายุ 48 ปี และ นางกันนิกา ทุมทอง อายุ 48 ปี พ่อแม่ของนายโจ้ผู้เสียชีวิต โดยพบว่าบริเวณหน้าบ้านได้มีกางเต็นท์ ส่วนภายในบ้านก็จัดพื้นที่เพื่อรอรับศพของนายอภิวัฒน์ พะพันทาง หรือโจ้ ที่คาดว่ารถมูลนิธิจะเดินทางมาถึงในเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันเดียวกัน
สอบถาม นางกันนิกา ทุมทอง หรือหรั่ง ผู้เป็นแม่เล่าว่ามีลูกเป็นชายทั้งหมด 3 คน นายโจ้ผู้ตายเป็นคนโต ถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว โดยได้ไปทำงานก่อสร้างทางยกระดับโครงกางทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว เป็นเวลา 3 ปีแล้ว ด้านครอบครัวมีเรื่องระหองระแหงกับเมีย จึงแยกกันอยู่ได้ 3-4 เดือน และมีลูกทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 3 หญิง 1 โดยลูกคนโต คนกลาง และคนรอง อายุ 14,13,9 ปี ไปเรียนหนังสืออยู่กับยายที่บ้านนายอ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ส่วนคนเล็กเป็นหญิงชื่อน้องข้าวฟ่าง อายุ 3 ขวบอยู่กับตน โดยในทุกๆวัน ตอนเช้าก่อนไปทำงาน และหลังเลิกงานลูกชายจะโทรศัพท์มาคุยกับน้องข้าวฟ่างทุกวัน
ก่อนทราบข่าวร้าย ตนก็ตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ตามปกติ ก็มีเสียงโทรศัพท์จากนายเต้คนบ้านเดียวกัน และทำงานอยู่ที่เดียวกันกับลูกชาย พร้อมกับเสียงร้องไห้โฮว่า “อ้ายโจ้ๆๆๆ” ก่อนตั้งสติได้บอกคานถล่มทับพี่โจ้ ตนบอกให้ไปจับตัวดูว่าหายใจอยู่ไหม คำตอบกลับมาคือเสียชีวิตแล้ว ตนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะเห็นเหตุการณ์คานถล่มที่ถนนเส้นนี้หลายครั้ง ก็กังวลมาตลอดอย่าให้เกิดกับลูกชายตัวเองเลย แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุที่คาดไม่ถึงกับลูกชายจนได้ และเหลือเวลาจะเลิกงานเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
นางหรั่ง เล่าต่อว่า ปกติลูกชายจะทำงานก่อสร้างเพียงอย่างเดียว ภายหลังให้ตนออกรถกระบะ เพื่อรับจ้างรับส่งคนงานจากแคมป์ไปไซต์ก่อสร้าง โดยทำงานก่อสร้างควบคู่ไปด้วย ถือเป็นการเพิ่มรายได้ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ฝากไปยังผู้รับเหมา ขอให้เป็นเคสสุดท้ายได้ไหม แม้ทางบริษัทจะรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ไม่คุ้มกับชีวิตคนที่ตายไป เพราะนายโจ้เป็นเสาหลักที่ดูแลพ่อแม่ โดยศพจะฌาปนกิจในวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม นี้
สำหรับน้องข้าวฟ่าง นางหรั่งผู้เป็นย่าไม่ได้บอกหลานสาวว่า นายโจ้ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตแล้ว และเมื่อศพมาถึงบ้าน ก็จะไม่ให้หลานเห็นศพพ่อ คงต้องใช้เวลาสักระยะ ให้เขาค่อยๆ รับทราบเหตุการณ์ความสูญเสีย แต่ยังคิดไม่ออกว่าหากหลานสาวถามหาพ่อ ตนจะตอบเขาอย่างไร จากนั้นนางหรั่งได้พาผู้สื่อข่าวไปหลังบ้าน เป็นเปลที่น้องข้าวฟ่างนอนหลับ โดยไม่ทราบว่าพ่อตนเองได้จากไปแล้ว และด้วยความไร้เดียวสาของเด็ก เมื่อเห็นคนมาเต็มบ้าน คงต้องถามว่ามีงานอะไร ซึ่งเป็นคำถามที่บีบหัวใจมากที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี