‘สามารถ’ยอมตายคาคุก
ลุ้นอุทธรณ์ขอประกันตัว
ทนายเผยอาการ “สามารถ” ล่าสุด มีภาวะน้ำตาลลด ยอมจิบน้ำหวาน เพื่อป้องกันสภาวะช็อก แต่ยังอดอาหารเหมือนเดิม ประกาศยอมตายคาคุกหากไม่ได้รับความยุติธรรม ยันมี อดีตรอง ผบ.ตร.-อดีต สส.พร้อมเป็นพยานให้ ขณะที่ทนายอีกทีมหนึ่งยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 1.2 ล้านบาท พร้อมขอติดกำไล EM ขณะที่ศาลอาญาเห็นควรส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป คาดใช้เวลาพิจารณา 2-3 วัน
จากกรณีที่ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกและรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ผู้ต้องหา คดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5(1),(3) มาตรา 9 และมาตรา 60 กรณีที่นายสามารถเรียกรับเงิน 2.5 ล้านบาทจากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ประธานบริษัท ดิไอคอน จำกัด ได้ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 26 พ.ย. เนื่องด้วยศาลอาญายกคำร้องประกันตัวชั่วคราว ด้วยเหตุเกรงว่าจะมีการหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ต่อมานายสามารถ ได้ประกาศอดข้าวและน้ำระหว่างการกักโรคโควิด-19 เพื่อประท้วงสิทธิการประกันตัว ทำให้ในช่วงเย็นของวันที่ 27 พ.ย. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ส่งตัวนายสามารถ ไปรับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะมีอาการอ่อนเพลีย ความดันตกเล็กน้อย และมีความเครียดร่วม หลังอดอาหารนานเกือบ 4 วันนั้น
เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ร.อ.ธีรศานต์ แก้วสง ทนายความของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมนายสามารถว่า ตนได้เข้าเยี่ยมตั้งแต่เวลาประมาณ09.00 น.ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และได้พบนายสามารถซึ่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องเข็นวีลแชร์มาพบ โดยอาการยังคงเหมือนกับเมื่อวาน แต่วันนี้มีภาวะน้ำตาลตก หน้าซีด มีรอยช้ำบนเเขนจากการถูกเจาะรักษา และได้ทราบว่าแพทย์ต้องให้นายสามารถ คอยจิบน้ำหวานตลอด เพราะต้องป้องกันสภาวะช็อก แต่นายสามารถก็จิบได้เล็กน้อย ส่วนอาหารและน้ำ นายสามารถยังคงอดตามเจตนารมณ์อยู่
ทั้งนี้ ทางครอบครัวของนายสามารถ ได้พยายามบอกและขอให้นายสามารถกลับมากินอาหารให้ได้เหมือนเดิม เพราะยิ่งสุขภาพถดถอยก็ยิ่งทำให้การทำงานการสู้คดีนั้นยากยิ่งขึ้น และถ้าวิกฤติถึงเเก่ชีวิตก็ไม่เป็นผลดี และตนมองว่าการเรียกร้องความยุติธรรม ควรต้องมีชีวิตเหลืออยู่เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม แต่นายสามารถยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเอง ว่า ยอมตายในคุกถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมย้ำว่าสิ่งที่นายสามารถทำ ไม่ได้เรียกร้องเพื่อตัวเอง แต่ยังทำเพื่อผู้ต้องหารายอื่นที่อยู่ในสถานะเดียวกันอีกด้วย
ร.อ.ธีรศานต์ เผยอีกว่า ทางทนาย ความอยากให้นายสามารถ ได้ออกไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลตามสิทธิ์ที่เคยรักษาไว้ อาทิ รพ.พญา ไท 3 แต่ทางราชทัณฑ์มีความเห็นว่านายสามารถ ควรกลับไปรักษาภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯดังเดิม เพราะกลัวกระแสสื่อกดดัน ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีนั้น ตนต้องอธิบายว่าคดีฟอกเงินต้องไปดูที่ความผิดมูลฐาน หากความผิดมูลฐานชัดเจนก็สามารถดำเนินคดีฟอกเงินได้ แต่ในคดีดิไอคอนฯ ความผิดมูลฐานยังไม่มีการตัดสินเลย ดังนั้น จะแจ้งข้อหาการฟอกเงินไม่ได้
ส่วนที่ดีเอสไออ้างว่าเพราะเป็นความผิดแชร์ลูกโซ่นั้น ก็เป็นเพียงคำให้การหรือคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น อีกทั้งที่ดีเอสไอมีการคัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงว่านายสามารถจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งตนยืนยันว่านายสามารถไม่ได้เป็นการยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวการเงิน เจ้าหน้าที่มีการอายัดบัญชีธนาคารไว้หมดแล้ว นายสามารถไม่สามารถโอนเงินเข้า-ออกได้
ร.อ.ธีรศานต์ เปิดเผยต่อว่า ส่วนเรื่องที่มีการอ้างกันว่านายสามารถจะหลบหนีนั้น ตามบันทึกการจับกุมที่ สภ.แม่ยาว จ.เชียงราย มีการระบุว่าเป็นการมอบตัว แต่ดีเอสไอกลับไปยื่นคำร้องฝากขังต่อศาล ว่า นายสามารถมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งการไปจังหวัดเชียงรายของนายสามารถ มีพยานภายในวัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย มีอดีตข้าราช การ อดีตรอง ผบ.ตร. อดีต สส.ร่วมไปด้วย ที่พร้อมจะเป็นพยานให้ อีกทั้งวัดห้วยปลากั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ซึ่งหากนายสามารถ จะหลบหนีตนมองว่าจังหวัดเชียงรายคงไม่เหมาะสม เพราะมีการเฝ้าระวังตามแนวชายแดนอย่างแน่นหนา ซึ่งวันดังกล่าวนายสามารถได้คุยกับ ผอ.กองคดีฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษว่า ทราบมีการออกหมายจับ และยังมีการระบุในคลิปเสียงว่าจะเดินทางไปมอบตัวอีกด้วย จึงไม่ใช่การมีพฤติกรรมหลบหนีแน่นอน
เมื่อถามว่าการเดินทางไป จ.เชียงรายของนายสามารถ มีการวางแผนล่วงหน้าไว้หรือไม่และมีการจองตั๋วเครื่องบินอย่างไร ร.อ.ธีรศานต์ เผยว่า ตนทราบล่วงหน้าประมาณ 3-4 วัน เพราะถูกเชิญไปด้วย แต่ไม่ได้ไปเพราะติดธุระ และวันที่ที่นายสามารถเดินทางก็คือช่วงเช้าของวันที่ 25 พ.ย.
เมื่อถามว่าการไปทำบุญที่วัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย มีใบอนุโมทนาบัตรด้วยหรือไม่ ร.อ.ธีรศานต์ เผยว่า ประเด็นนี้ต้องดูเรื่องของเส้นเงิน แต่สิ่งที่สังคมกำลังพูดถึงคือเรื่องของการหลบหนี ซึ่งหากวันนั้นมีประชาชนหรือพระเห็นนายสามารถ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี และนายสามารถก็เคยเดินทางมาทำบุญที่วัดนี้แล้ว ส่วนเมื่อถามว่านายสามารถเคยมีการโอนเงินทำบุญกับวัดห้วยปลากั้งมาก่อนหรือไม่ ตนเองตอบไม่ได้ และต้องไปเทียบช่วงเวลาการโอนเงินก่อน
ร.อ.ธีรศานต์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องเอกสารการกู้ยืมเงินและการทำบุญระหว่างมารดาของนายสามารถ และบอสพอล ที่เจ้าหน้าที่ดีเอส ตรวจพบภายในบ้านพักของนายสามารถ ระบุวันที่ 12 พ.ย. 2567 ว่านายสามารถและบอสพอลมีการคืนเงินที่ยืมกันชดใช้กันหมดแล้วนั้น ประเด็นนี้ตนมองว่าเอกสารดังกล่าวเป็นการที่ทางบอสพอลให้เซ็นเพื่อไม่ให้เป็นการฟ้องร้องทางแพ่งต่อกันระหว่างบอสพอลและนายสามารถ ส่วนประ
เด็นดังกล่าวทางดีเอสไอจะนำไปเป็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน
เมื่อถามว่าการกู้ยืมเงิน-การทำบุญร่วมกันระหว่างแม่นายสามารถและบอสพอล เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2564 แต่ทำไมถึงมามีเอกสารจัดทำเมื่อวันที่ 12 พ.ย.67 ร.อ.ธีรศานต์ เผยว่า ตนเองไม่ทราบว่าทำไม แต่ในกรณีแบบนี้ก็มีเยอะในกลุ่มเจ้าหนี้ลูกหนี้ ซึ่งหลายคนก็อาจจะมองและคิดแบบนั้น แต่ส่วนตนมองว่าเป็นการตัดอำนาจเรื่องของการฟ้องแพ่งระหว่างกัน อีกทั้งช่วงปี 2564 นายสามารถไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมือง เพราะมีราชกิจจานุเบกษา ให้นายสามารถออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ส่วนที่อยู่ในสังกัดพรรคการเมืองนั้น ไม่ใช่ข้าราชการทางการเมือง แต่เป็นเพียงสมาชิกพรรค
ทั้งนี้ ร.อ.ธีรศานต์ ยังบอกอีกว่า คดีฟอกเงิน มีเส้นเงินอยู่ 2.5 ล้านบาท แต่ความเสียหายที่ดีเอสไอตั้งไว้คือ 2,900 ล้านบาท ซึ่งหากดูปริมาณความเสียหายกับยอดเงินของฝั่งนายสามารถ เทียบกันไม่ได้เลย เพราะเจตนารมณ์ของกฎหมายฟอกเงิน คือ การรวบรวมเงินคืนผู้เสียหาย จึงมองว่าการทำคดีนี้ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เพราะมาวิ่งตามเงินเล็กๆ ทั้งที่เงินใหญ่ๆ ก็มี ถึงเวลาหากคดีจบตัดสินจริง ผู้เสียหายก็ไม่รับการเยียวยา
นอกจากนี้ ภายในวันนี้จะมีทีมทนายอีกทีมไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดา เพื่อยื่นคำร้องอุทธรณ์ขอปล่อยตัวชั่วคราวนายสามารถ ซึ่งหลักฐานที่จะนำไปยื่น คือ หลักฐานที่นายสามารถมีการคุยโทรศัพท์กับ ผอ.กองคดีฟอกเงินทางอาญา (ดีเอสไอ) เป็นคลิปเสียงยืนยันไม่ได้หลบหนีและจะไปมอบตัว และอีกประการคือประวัติการรักษา ส่วนหลักทรัพย์ในครั้งนี้ที่ยื่นจะใช้เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 1.2 ล้านบาท พร้อมขอศาลติดกำไล EM
ต่อมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ทนายความของนายสามารถ ได้ยื่นอุทธรณ์ คำร้องขอปล่อยชั่วคราว เนื่องจากในการขอปล่อยชั่วคราว ครั้งแรก ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายสามารถ เนื่องจาก มีพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง เกรงจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน และหลบหนี
ศาลอาญารับคำร้องอุทธรณ์ไว้ และเห็นควรส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า คาดว่าศาลอุทธรณ์น่าจะใช้เวลาพิจารณา 2-3วัน จึงจะมีคำสั่งส่งมาให้ศาลอาญาได้ สำหรับ นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ แม่ของนายสามารถซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาร่วมนั้น ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวไประหว่างสอบสวนโดยตีราคาประกัน 5 แสนบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี