โผล่อีกเส้นทางเงิน
มัดหญิงสาวคนสนิท‘สามารถ’
รับจาก‘พอล’/โอนเข้าบัญชีแม่
“บิ๊กเต่า” เตรียมแจ้งอีกหลายข้อกล่าวหา “สามารถ” หลังพบเส้นทางการเงิน 100 กว่าล้านในบัญชีเอี่ยว “บอสดิไอคอน-รีดไถผู้ประกอบการ” พบเงินในบัญชีเป็นเงินเล่นพนันบอล ยันตำรวจไม่กลั่นแกล้ง แต่มีหลักฐานชัด ไม่ต้องอดข้าวประท้วง ขณะที่มีรายงานว่า ตำรวจสอบสวนกลางเตรียมยื่นหลักฐานใหม่ให้ดีเอสไอ ฟัน “สามารถ” ฟอกเงินเพิ่มอีกคดีหลังลุยเก็บข้อมูลพบเส้นเงินสาวคนสนิทรับโอนเงินบอสดิไอคอนรายใหม่ ก่อนโอนเข้าบัญชีแม่ผ่องถ่ายเข้าบัญชีตัวเอง
เมื่อเวลา 13.50 น.วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตสมาชิกและรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ผู้ต้องหา คดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5(1),(3) มาตรา 9 และมาตรา 60 กรณีเรียกรับเงิน 2.5 ล้านบาทจาก นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล ประธานบริษัท ดิไอคอน จำกัดว่า จากการตรวจสอบยอดเงิน 100 กว่าล้านในบัญชี มีการแตกไปในหลายเส้นทางการเงิน และเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา พบร่องรอยการโอนเงินเข้าบัญชีของนายสามารถ ประมาณ 500,000 บาท จึงเรียกเป้าหมายคนดังกล่าวมาพูดคุย พร้อมนำหลักฐานมาแสดง ซึ่งเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ จึงน่าจะมีการแจ้งข้อหานี้กับนายสามารถอีกหนึ่งคดี
รอง ผบช.ก. กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 บุคคลใกล้ชิดนายสามารถ ที่มีการเรียกเข้ามาสอบปากคำ ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ได้บอกถึงเส้นเงิน ที่ตัวเขาเป็นคนถือบัญชี ซึ่งนายสามารถอ้างว่า เป็นเงินใช้หนี้ และให้โอนเข้ามาในบัญชีนี้ และพบว่ามีการโอนเงินเข้ามา 2 ส่วน คือ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ซึ่งไม่ใช่จากบอสพลอล แต่เป็นหนึ่งในบอสของ ดิไอคอน ประมาณ 3 ล้านบาท โดยต้องตรวจสอบว่าเป็นการโอนเข้ามา เพราะบอสพอล เป็นคนสั่งการหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาแล้วเป็นการเรียกรับ ตำรวจสอบสวนกลางจะสอบเอง แต่หากพบว่าโอนเข้ามาจากบริษัท ดิไอคอน จะเข้าข่ายคดีฟอกเงินเพิ่มอีกหนึ่งคดี ตอนนี้ได้ประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อที่จะสอบปากคำพยานคนดังกล่าวในสัปดาห์หน้า ส่วนเงินในบัญชีอีกส่วนเป็นการโอนเข้ามาของผู้ประกอบการที่ถูกรีดไถ จำนวน 500,000 บาท ซึ่งมีการแจงความไว้แล้ว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบ พบว่าเกิดเหตุในลักษณะนี้ กับอีกหลายคนและอีกหลายส่วน และบางส่วนยังไม่ให้ความร่วมมือ เราจึงพยายามพูดคุย และพบว่าเกี่ยวข้องกับคนในหลายแวดวง ทางข้าราชการ หรือแม้แต่บุคคลที่บริษัท ดิไอคอน จ้างงาน ซึ่งมีเส้นเงินเชื่อมโยง ดังนั้น ต้องมีการตรวจสอบบัญชีอีกหลายส่วน เส้นเงินที่เราแตกออกไปหลายส่วนนั้น อยู่ในจำนวน 100 กว่าล้านบาท ซึ่งเงินบางส่วนเราเห็นแล้วว่าน่าจะเป็นเงินที่มาจากการเล่นพนันบอล ซึ่งพบจากคนใกล้ชิด ประมาณ 30 ล้านบาทและเสียไปประมาณ 50 ล้านบาท ยังเหลืออีก 50-60 ล้านบาท ที่ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป ดังนั้นต้องตรวจสอบให้ละเอียด ว่าเส้นเงิน ไปถึงใครบ้าง เพื่อเรียกบุคคลนั้นๆ เข้ามาสอบปากคำ และยืนยันว่าจะดำเนินคดีในทุกเรื่อง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสามารถ ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการถูกดำเนินคดี และมีการอดข้าวประท้วง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เราไม่อยากให้มีการอดอาหารประท้วง และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้กลั่นแกล้ง การตรวจสอบเส้นเงินเป็นวิทยาศาสตร์ และผู้เสียหายก็มีอยู่จริง นายสามารถ ต้องยอมรับสภาพ ว่าสิ่งที่จะทำไว้ทิ้งหลักฐานไว้ สิ่งเหล่านี้กำลังตามหลอกหลอน ให้ต้องถูกดำเนินคดี
“ไม่มีใครที่จะไปกลั่นแกล้ง แต่นายสามารถเป็นบุคคลคนหนึ่งที่เราต้องการ นำเข้าสู่การบังคับใช้กฎหมาย และนำเข้าสู่สำนวนคดี เพราะมีคลิปเสียงชัดเจนในการเรียกรับ และมีคำพูดค่อนข้างดูถูกข้าราชการ ในการแต่งตั้งข้าราชการเข้าไปดูแลบอสพอล หรือช่วยเหลือผู้ประกอบการ ดังนั้น เราต้องมีความพยายาม ต้องดำเนินการแม้บอลพอล จะไม่ได้มีการร้องทุกข์ดำเนินคดี ยืนยันว่า ไม่มีการกลั่นแกล้งและขอให้ไปสู้กันในชั้นศาล หากมีพยานที่สามารถหักล้างเหตุผลได้ ก็ไม่จำเป็นต้องอดข้าว ขณะนี้ยังมีเวลาแก้ไข หากกระทำผิดก็ต้องชดใช้ ในสิ่งที่ทำไว้” รอง ผบช.ก. กล่าว
ถามต่อว่าจะมีการมอบของขวัญช่วงปีใหม่ให้กับอินฟลูเอนเซอร์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีดิไอคอนอีกหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการปัดกวาดทางสังคมให้สะอาด ให้บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ เพจต่างๆ เข้ามาสู่ระบบเคารพกฎหมาย เพราะที่ผ่านมามีการบูลลี่หน่วยงานรัฐ โดยไม่มีหลักฐาน แต่ยืนยันพวกเราไม่ใช่คนไร้น้ำใจ หรือเป็นคนใจร้าย แต่ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ระบุว่าสิ่งใดที่ทำให้สังคมไขว้เขว ใส่ร้ายสังคม ใส่ร้ายข้าราชการ เราต้องปัดกวาด รวมถึงหากข้าราชการตำรวจมีการกระทำความผิด ก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเอาออกไปเช่นกัน ก็เป็นการกวาดบ้านตัวเอง เป็นการทำทุกหน่วยงานให้เป็นของขวัญให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงปีใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจชุดคลี่คลายคดีสอบสวนกลาง ได้ตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงินบัญชีธนาคารของนายสามารถ และ นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดา อย่างละเอียด พบว่านอกจากเหนือจากยอดเงินกว่า 2.9 ล้านบาท ที่ นายกลด เศรษฐนันท์ หรือ บอสปีเตอร์ และ นายวรัตน์พล หรือ บอสพอล โอนผ่านเข้าบัญชีตรงของ นางวิลาวัลย์ ก่อนจะมีการโอนต่อไปยังบัญชีธนาคารส่วนตัวของนายสามารถ จนทำให้บอสดิไอคอนถูกดำเนินคดีฟอกเงินไปแล้วนั้น ยังพบว่ามีบอสดิไอคอน อีกรายหนึ่ง โอนเงินผ่านเข้ามายังบัญชีของ น.ส.กมล คนสนิทของนายสามารถ จำนวนหลายครั้ง รวมกว่า 3 ล้านบาท ก่อนจะมีการโอนถ่ายต่อไปยังบัญชีธนาคารของ นางวิลาวัลย์ แล้วโอนเงินต่อออกอีกทอดหนึ่งไปยังบัญชีธนาคารส่วนตัวของนายสามารถ ซึ่งขณะนี้ตำรวจสอบสวนกลาง อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทำรายงานสืบสวนส่งต่อให้กับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงินกับนายสามารถ เพิ่มเติมอีก 1 คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม กรณีคลิปเสียงเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากบอสบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่30 พ.ย. กองบังคับการปราบปราม เจ้าของสำนวนคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ได้สรุปสำนวนพร้อมออกหมายเรียก นายรัฐภูมิ มารับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดฐานพยายามฉ้อโกง ซึ่งการสรุปสำนวนดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เข้าสอบปากคำผู้ต้องหาดิไอคอนกรุ๊ป (กลุ่มบอส) ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้ไปขออนุมัติหมายจับจากศาล แต่ศาลมองว่ากรณีของนายรัฐภูมิ เป็นเรื่องความผิดพยายามฉ้อโกง อัตราโทษ 2 ปี จึงไม่อนุมัติออกหมายจับให้ พนักงานสอบสวนจึงต้องกลับมาทำสำนวนใหม่ เพื่อขอหมายเรียก ซึ่งเข้าใจว่าตอนนี้พนักงานสอบสวนได้ทำหมายเรียกออกไปแล้ว คดีพยายามฉ้อโกงอัตราโทษไม่เกิน 3 ปี จึงออกได้เพียงหมายเรียกตามคำแนะนำของศาลเท่านั้น
ส่วนคดีของนายรัฐภูมิ จะมีความผิดเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังมีอีก 2 กรณี คือ กรณีหมิ่นประมาทของหนุ่มกรรชัย และคลิปเสียงที่มีการกล่าวอ้างถึงนางสาวจิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้กำลังทำไปพร้อมกัน หากนายรัฐภูมิเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาก็จะแจ้งข้อหาพยายามฉ้อโกงและแจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทไปในคราวเดียวกัน โดยหมายเรียกของนายรัฐภูมิจะกำหนดให้อยู่ภายในระยะเวลา 5 วันเท่านั้น หากไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนจะดำเนินการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ก่อนจะออกหมายจับตามลำดับต่อไป
ขณะที่บรรยากาศช่วงเช้าที่หน้ากองบังคับการปราบปราม มีเพียงสื่อมวลชนจำนวนมากเฝ้าสังเกตการณ์ว่าจะมีการออกหมายจับนายรัฐภูมิหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้ที่เคยร่วมก่อเหตุกับนายรัฐภูมิ ซึ่งคือนางสาวกฤษอนงค์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ก็เคยถูกออกหมายจับในวันหยุดหรือวันเสาร์เช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันสื่อมวลชนพยายามติดต่อไปหานายรัฐภูมิ แต่ไม่สามารถติดต่อได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี