‘สมาคมประมง’จี้รัฐบาลเร่งนำ‘ลูกเรือ-เรือประมง’กลับไทย หลังถูก‘เมียนมา’ควบคุมตัว ยันไม่ได้รุกล้ำน่านน้ำ เหตุมีระบบ VMS ติดตามพิกัดเรือแบบเรียลไทม์ เข้าใกล้แนวเขตแดน‘กรมประมง’จะเรียกกลับทันที ยันไม่มีเรือลำไหนกล้าฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุโทษหนักปรับหลักล้าน หวั่นการสื่อสารบางหน่วยงานคลาดเคลื่อน อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าประมง หากประเทศคู่ค้าเข้าใจว่าไทยทำประมง IUU
2 ธันวาคม 2567 สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เตรียมออกหนังสือประสานกองทัพเรือ กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เร่งแก้ไขปัญหาที่เรือรบประเทศเมียนมายิงและจับกุมเรือประมงไทย
สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ระบุว่า เรือประมงเหล่านี้ติดตั้งระบบติดตามเรือ (VMS) ซึ่งถูกติดตามและควบคุมโดยศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (Fisheries Monitoring Center – FMC) ซึ่งตั้งอยู่ที่กรมประมง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางช่วยเหลือเรือประมงที่ถูกยึดไปและลูกเรือที่ถูก ทหารเรือเมียนมาควบคุมตัวไว้ และให้เร่งหาแนวทางแก้ไขโดยด่วน
ด้านนายสุรเดช นิลอุบล นายกสมาคมประมงสงขลาและรองประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ซึ่งดูแลงานระหว่างระหว่างประเทศ กล่าวว่า ได้ประสานนายสมทรัพย์ จิตตะธัม นายกสมาคมประมงระนอง เพื่อขอทราบข้อมูลเหตุการณ์ที่เรือประมงในพื้นที่ จ.ระนอง ถูกเรือของทางการเมียนมายิงจนมีผู้เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และถูกควบคุมตัวไว้ โดยเจ้าของเรือยืนยันแก่สมาคมประมงระนอง ว่า ได้เดินเรือเข้าใกล้แนวเขตแดนไทย-เมียนมา แต่ยังอยู่ในน่านน้ำไทย ไม่ได้รุกล้ำน่านน้ำเมียนมาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เชื่อว่ากรมประมง กำลังตรวจสอบพิกัดเรือ ณ จุดเกิดเหตุ โดยติดตามประวัติการเดินเรือจากระบบติดตามเรือ (Vessel Monitoring System : VMS) ซึ่งตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ระบุให้ เรือประมงพาณิชย์ที่มีขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไปต้องติดตั้งระบบ VMS ซึ่งเป็นระบบติดตามเรือที่ประมงทั่วโลกนำมาใช้ควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ด้วยการนำเทคโนโลยีของอินเทอร์เน็ต จุดพิกัดดาวเทียม (GPS) และเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือ (Global Service Mobile : GSM) มาทำงานร่วมกันเพื่อให้ทราบถึงพิกัดเรือประมง (Vessel Positioning System : VPS) ได้แบบเรียลไทม์
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (Fisheries Monitoring Center – FMC) ซึ่งตั้งอยู่ที่กรมประมง FMC ติดตามตรวจสอบการเดินเรือของเรือประมงพาณิชย์ทุกลำอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง ระบบ VMS จะต้องส่งสัญญาณกลับมายังศูนย์ PIPO ตลอด หากสัญญาณหายเกินกว่า 6 ชั่วโมง กรมประมงจะสั่งให้นำเรือกลับเข้าฝั่งทันที นอกจากนี้หากเดินเรือเข้าใกล้แนวเขตหวงห้ามเช่น เข้าใกล้ชายฝั่ง ออกนอกแนวเขตแดนระยะ 50 เมตร กรมประมงจะสั่งให้นำเรือกลับเข้าฝั่งทันทีเช่นกัน ถ้ายังฝ่าฝืน กรมประมงจะส่งเรือตรวจการณ์ไปลากเรือลำนั้นกลับ
“ในหลักปฏิบัติ หากเรือประมงลำใดเข้าใกล้แนวเขตแดนในระยะ 500 เมตร ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมงหรือศูนย์ FMC จะส่ง SMS แจ้งเตือนเจ้าของเรือ เพื่อแจ้งต่อผู้ควบคุมเรือว่า เข้าใกล้เส้นเขตแดน โปรดเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ทั้งยังจัดเป็นกลุ่มเรือเฝ้าระวัง โดยติดตามและเฝ้าสังเกตพฤติกรรมอย่างเข้มงวดว่า จะถอยออกจากแนวเขตหรือยังฝืนทำประมงบริเวณนั้นต่อ การรุกล้ำเข้าไปในน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้านเพียง 50 เมตรถือว่า มีความผิดตามกฎหมายแล้ว โดยมีโทษปรับเป็นล้านบาทจึงไม่มีเจ้าของเรือรายใดยอมเสี่ยง อีกทั้งในการออกทำประมงครั้งต่อไป เรือที่ทำผิดจะถูกปรับจาก “เรือสีขาว” เป็น “เรือสีเทา” ดังนั้นนับตั้งแต่พระราชกำหนดการประมงมีผลบังคับใช้ในปี 2558 ผู้ประกอบการประมงพาณิชย์จึงปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด” นายสุรเดช กล่าว
นายสุรเดช กล่าวว่า สำหรับเรือประมงพาณิชย์จะตั้งพิกัดและเส้นทางเดินเรือไว้ล่วงหน้าว่า จะใช้เส้นทางใดและถึงจุดไหนที่จะต้องถอยกลับ เจ้าของเรือซึ่งถูกเรือของทางการเมียนมายิง ได้ส่ง SMS จากกรมประมงมาให้ดูว่า ได้รับเฉพาะคำเตือนว่าอยู่ใกล้เส้นเขตแดน โปรดเดินเรือด้วยความระมัดระวัง โดยไม่ได้รับคำเตือนเพิ่มเติมว่า เดินเรือออกนอกน่านน้ำไทย จึงแสดงว่า เรือประมงไทยยังไม่ได้รุกล้ำน่านน้ำเมียนมา
นายสุรเดช กล่าวอีกว่า การที่บางคนมีสื่อสารออกไปว่า เรือประมงไทยรุกล้ำน่านน้ำเมียนมา กลายเป็นข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลก อาจกระทบต่อภาคการประมงของไทยได้ โดยไทยส่งออกสินค้าสัตว์น้ำไปหลายประเทศ หากถูกเข้าใจผิดว่า มีการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU fishing) แล้วถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมประมงไทย ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไขความคลาดเคลื่อนของข่าวสารและสื่อความจริงออกไป และไทยยังอยู่ระหว่างการกระบวนการแก้แก้กฎหมายการประมง โดยเตรียมจะออกพระราชบัญญัติการประมงเพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล อาจถูกนานาชาติมองว่า พยายามแก้ไขกฎหมายเพื่อเอื้อต่อการทำประมงแบบ IUU
ล่าสุดสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยเตรียมออกหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งเจรจากับทางการเมียนมาเพื่อขอให้ส่งตัวคนไทยและเรือไทยกลับคืนมา รวมทั้งต้องทบทวนขั้นตอนปฏิบัติระหว่างประเทศที่มีพรมแดนติดกันว่า หากเข้าใจว่า มีการเดินเรือเข้าใกล้แนวเขตแดนและต้องการเตือน ต้องใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักเช่น เริ่มจากการฉีดน้ำใส่ ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยกระสุนจริงจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
รายงานแจ้งว่าในการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดระนอง (ศรชล.จว.รน.)ทางฝ่ายความมั่นคงมีการตรวจสอบข้อมูลจุดเกิดเหตุที่ทางทหารเมียนมายิงเรือประมงไทย จุดเกิดเหตุอยู่ในเป็นเขตฝั่งไทย ที่ห่างจากเขตแดนไทยเมียนมา เข้ามาในเขตไทย แนวเขตในเขตไทย 4-4.5 ไมล์ทะเล และห่างจากเกาะพยามของไทยไปทางทิศตะวันตก12 ไมล์ทะเล และมีการยืนยันชัดเจนว่าจุดเกิดเหตุอยู่ในเขตประเทศไทยชัดเจน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี