ป่าไม้กาญจน์ เข้มสนธิกำลังทหาร ตชด. ฝ่ายปกครอง ลาดตระเวนป้องกันการทำลายป่า รวบ 2 มอดไม้คาตอ อีกรายขนประดู่แปรรูปโดนรวบกลางทาง
วันี้ (2 พ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชยวุฒิ อารีชน ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่10 (ราชบุรี) และนายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยคได้สั่งการให้นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ กจ.1 (ท่าเสา) อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1(ท่าเสา) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.7 (บ้องตี้) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานฯ สนธิกำลังออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีอย่างเคร่งครัด
โดยเมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ กจ.1(ท่าเสา) ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า (พร.) ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 (ท่าเสา) ว่าพบรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน สีดำ หมายเลขทะเบียน ราชบุรี บรรทุกไม้แปรรูปไปตามถนนสายอ่างเก็บน้ำเขาเขียว หมู่ 2 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจสอบ หลังจากได้รับแจ้งจึงนำกำลังข้างต้นเดินทางไปสมทบ พร้อมประสานกำนันตำบลวังกระแจะ อ.ไทรโยค เดินทางไปร่วมตรวจสอบ
ไปถึงพบเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถยนต์กระบะพร้อมควบคุมตัวนายอนุชา (ขอสงวนนามสกุล) คนขับเอาไว้แล้ว จากการตรวจสอบพบไม้แปรรูปอยู่บนรถยนต์กระบะ จำนวน 3 แผ่น จากนั้นจึงนำตัวนายอนุชา ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1(ท่าเสา) โดยนายอนุชา แจ้งว่าตนได้รับการว่าจากจากนายทุนรายหนึ่งให้นำไม้แปนรูปไปส่งในพื้นที่บ้านหนองสามพราน ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 2,500 บาท และนอกจากนี้ยังมีไม้แปรรูปอีกจำนวนหนึ่งซุกซ่อนเอาไว้ภายในบ้านในพื้นที่ ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่จึงให้นายอนุชาฯนำพาไปตรวจสอบ
ไปถึงพบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ภายในพบไม้ประดูแปรรูปจำนวน 3 แผ่น เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลางจากนั้นจึงเคลื่อนย้ายมาเก็บรักษาเอาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1(ท่าเสา) และจากการตรวจสอบไม้ประดูแปรรูปทั้ง 6 แผ่น เป็นไม้สภาพใหม่สดโดยไม่มีรอยดวงตราตีประทับเอาไว้ เจ้าหน้าที่จึงนำตรามาตีประทับตรวจยึด ซึ่งไม้ทั้ง 6 แผ่นมีมูลค่าตามท้องตลาดประมาณ 41,300 บาทหลังจากนายอนุชายอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายไพโรจน์ เขียวแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ กจ.1(ท่าเสา) เปิดเผยว่า ต่อมาวันที่ 30 พ.ย.67 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.7 (บ้องตี้) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ กจ.1 (ท่าเสา) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาญจนบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ และเจ้าหน้าที่ ตชด.ที่ 136 ได้ร่วมกันออกลาดตระเวนปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้
เมื่อไปถึงป่าบ้านทุ่งมะเซอย่อ หมู่ 4 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงดังคล้ายเลื่อนโซ่ยนต์มาจากภายในป่าบนภูเขา เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเดินเท้าขึ้นไปบนเขาซึ่งเป็นต้นทางของเสียงเลื่อยโซ่ยนต์ เมื่อไปถึงพบชายจำนวน 2 รายกำลังช่วยกันใช้เลื่อนโซ่ยนต์โค่นต้นประดู่ และตัดออกเป็นท่อน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมตัวชายทั้ง 2 รายเอาไว้ ทราบชื่อคือนายกิตติศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี และนายเสกสรร (ขอสงวนนามสกุล) ทั้งสองเป็นชาว ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จากการตรวจสอบโดยรอบพบต้นประดู่ถูกตัดโค่นลักษณะล้มคาตอ โดยถูกตัดออกเป็นท่อนจำนวน 6 ท่อน พร้อมเรื่อยโซ่ยนต์จำนวน 1 เครื่อง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลาง
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 รายให้การว่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางมาถึงพวกตนทั้งสองกำลังเก็บข้าวของและอุปกรณ์เลื่อนโซ่ยนต์เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านพัก เพราะพวกตนตัดทอนต้นไม้ออกเป้นท่อนเสร็จแล้ว ซึ่งพวกตนได้ตัดโค่นต้นประดูในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. และตัดทอนเป็นท่อนแล้วเสร็จในเวลาประมาณ 17.00 น.ส่วนไม้ที่ได้มาต้องการนำไปแปรรูปเพื่อสร้างบ้านอยู่อาศัย หลังจากผู้ต้องหาทั้งสองยอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี