ปภ.เฝ้าระวังฝนถล่มระลอก2ถึง5ธ.ค.

เตือน14จว.ใต้

เตรียมรับมือ‘น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่า’

นายกฯสั่งใช้‘แม่สายโมเดล’

รับมือทุกภัยพิบัติในประเทศ

ปภ.แจ้งเตือน 14 จว.ใต้เตรียมรับมือฝนตกหนักอีกระลอก 3-5 ธันวาคมนี้อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก พร้อมแจ้งเตือนปชช.ในพื้นที่เสี่ยงภัยล่วงหน้า ด้านนายกฯเล็งตั้งกก.ภัยพิบัติแห่งชาติ สั่งใช้ “แม่สายโมเดล” รับมือทุกภัยพิบัติในปท.ไม่ใช่แค่น้ำท่วม ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม “ปัตตานี-นราฯ” ยังน่าห่วง เช่นเดียวกับสงขลายอดตายพุ่ง 8 ราย

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.)ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศแจ้งเตือน หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง แนวโน้มเคลื่อนผ่านอ่าวไทยและภาคใต้ตอนล่างลงทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ มีพื้นที่แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ระหว่างวันที่ 3 - 5 ธันวาคม ดังนี้

เตือน14จว.ใต้ฝนถล่มรอบ2ถึง5ธค.

จ.ชุมพร 5 อำเภอได้แก่ เมืองชุมพร ปะทิว ท่าแซะ สวี พะโต๊ะ จ.สุราษฎร์ธานี 5 อำเภอ ได้แก่ อ.บ้านตาขุน พนม ดอนสัก เกาะสมุย เกาะพะงัน จ.นครศรีธรรมราช 10 อำเภอได้แก่ ขนอม สิชล นบพิตำ ท่าศาลา ฉวาง ช้างกลาง นาบอน ทุ่งสง ชะอวด หัวไทร จ.พัทลุง 5 อำเภอ ได้แก่ ศรีบรรพต ศรีนครินทร์ ป่าพะยอม กงหรา ป่าบอน จ.สงขลา 8 อำเภอได้แก่ เมืองสงขลา หาดใหญ่ รัตภูมิ จะนะ เทพา นาทวี สะเดา สะบ้าย้อย จ.ปัตตานี 4 อำเภอ ได้แก่ เมืองปัตตานี โคกโพธิ์ ยะรัง มายอ

จ.ยะลา 5 อำเภอ ได้แก่ ยะหา กาบัง บันนังสตา เบตง ธารโต จ.นราธิวาส 4 อำเภอ ได้แก่ ศรีสาคร จะแนะ สุคิริน แว้ง จ.ระนอง 3 อำเภอ ได้แก่ เมืองระนอง กะเปอร์ สุขสำราญ จ.พังงา 4 อำเภอ ได้แก่ คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ท้ายเหมือง จ.ภูเก็ต ทุกอำเภอ จ.กระบี่ 5 อำเภอ ได้แก่ เมืองกระบี่ ปลายพระยา อ่าวลึก เขาพนม คลองท่อม จ.ตรัง 4 อำเภอ ได้แก่ เมืองตรัง สิเกา ห้วยยอด ย่านตาขาว และจ.สตูล 4 จังหวัด ได้แก่ เมืองสตูล ควนกาหลง ทุ่งหว้า มะนัง

“ปภ.แจ้ง 14 จังหวัดภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมือปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังได้ เฝ้าระวังสถานการณ์ 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร พร้อมย้ำจังหวัดแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย”อธิบดีปภ.

ใต้ฝนตกหนักอีกระลอก3-5ธ.ค.

วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ลักษณะอากาศทั่วไปบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อน ทำให้มีหมอกตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส แต่ยังมีอากาศเย็นตอนเช้าบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือสำหรับยอดดอยและยอดภูมีอากาศเย็นถึงหนาว โดยยอดดอยอุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูอุณหภูมิต่ำสุด 12–16 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและมาเลเซีย ลงทะเลอันดามันตอนล่าง และช่องแคบมะละกา ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง คลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

ทุกภาคอุณหภูมิสูงขึ้น1-3องศาฯใต้

กรมอุตุนิยมวิทยายังพยากรณ์อากาศรายภาคของไทยว่า ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-3 องศาเซลเซียส ยอดดอยอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส ภาคกลาง อากาศเย็นมีหมอกบางตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ส่วนกรุงเทพและปริมณฑล มีหมอกบางตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส ขณะที่ภาคตะวันออก อากาศเย็นตอนบนของภาค มีหมอกบางตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ปะกาฮารัง-ปัตตานียังจมบาดาล

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในจ.ปัตตานียังวิกฤติ หลายพื้นที่มีน้ำท่วมสูง แม้ระดับน้ำจะลดลงบ้างแล้วประมาน 20% แต่ยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากเขื่อนบางลางปล่อยน้ำสองช่วงเวลา คือ 01.00 น. 12 ล้าน ลบ.ม และ เวลา12.00 น. 14ล้าน ลบ.ม และจะปล่อยอีกครั้งวันที่ 2 ธันวาคม 16 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เกรงว่าเขื่อนจะได้รับผลกระทบ ขณะที่ต.ปะกาฮารัง อ.เมืองปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำอยู่ติดริมแม่น้ำ ขณะนี้ยังมีน้ำท่วมสูง บริเวณทางเข้าหมู่บ้านน้ำท่วมสูง 1.50 เมตร ในหมู่บ้าน 2-3 เมตร บางหลังอพยพไปนอนบ้านญาติ การเดินทางต้องใช้เรือสัญจรไปมาเป็นหลัก โดยผู้นำชุมชน ต.ปะกาฮารังจัดหาเรือมาให้บริการประชาชน แต่ขณะนี้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมัน จึงอยากให้หน่วยงานรัฐออกมาดูแลเรื่องนี้ อีกแห่งที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมคือ โรงเรียนบ้านปะกาฮารัง ที่ถูกน้ำท่วมเต็มพื้นที่ต้องปิดการเรียนการสอนจนกว่าระดับน้ำจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ จ.ปัตตานี มีพื้นที่ถูกน้ำท่วม 12 อำเภอ 647 หมู่บ้าน 46 ชุมชน 147,002 ครัวเรือน ราษฎรได้รับผลกระทบ 417,351 คน เสียชีวิต 7 ราย และมีสัตว์จำนวนสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ 362,203 ตัว

นราธิวาสสลดเด็ก2ขวบตกน้ำดับ

เช่นเดียวกับ ที่จ.นราธิวาส ฝนหยุดตกสองวันแล้ว ทำให้แม่น้ำสายหลักคือ แม่น้ำบางนรา แม่น้ำสายบุรีและแม่น้ำโก-ลก ที่น้ำล้นตลิ่งลดระดับลงต่อเนื่อง ภาพรวมลดลง แต่ยังสูงกว่าตลิ่งประมาณ 1 เมตร ส่วนพื้นที่ราบลุ่มที่เคยมีน้ำท่วมขังทั้ง 13 อำเภอ มีพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนโดยเฉลี่ยร้อยละ 30 คืนสู่สภาวะปกติ

ส่วนพื้นที่ตลอดแนวริมตลิ่งของแม่น้ำโก-ลก 1ใน3 แม่น้ำสายหลักยังมีน้ำท่วมขั้นวิกฤติเป็นเขตรอยต่อสองอำเภอคือ สุไหงโก-ลก ที่บ้านลูโบ๊ะลือซง ม.2 บ้านปาดังยอ ม.3ต.มูโนะและอ.ตากใบ ที่บ้านแฆแบ๊ะ ม.1 บ้านตาเซ๊ะ ม.2 บ้านกัวลอต๊ะ ม.4 ต.นานาค และที่บ้านเกาะสะท้อน ม.2 บ้านศรีพงัน ม.3 บ้านโคกกาเปาะ ม.5 บ้านชุมบก ม.9 ต.เกาะสะท้อน ซึ่งทั้ง 11 หมู่บ้าน ใน 3 ตำบลนี้ มีน้ำท่วมขังสูง 80-1.50 เมตร

ทั้งนี้ พื้นที่บ้านปาดังยอ ม.3ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก เกิดเหตุสลดเมื่อ ด.ญ.นูรชามีนา อายุ 2 ขวบ พลัดตกน้ำบริเวณหน้าบ้านพักเสียชีวิต ส่วนการช่วยเหลือประชาชนนั้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเซิ้งหมู่ธารน้ำใจสุไหงโก-ลก กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 นำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์และเจ็ตสกี ออกตระเวนช่วยเหลืออพยพพระสงฆ์และชาวบ้านที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่ 4 หมู่บ้านของตำบลเกาะสะท้อนและต.นานาค โดยนำน้ำดื่มอาหารไปแจก เพราะระดับน้ำยังท่วมขังสูง 80-1.50 เมตร

เซ่นน้ำท่วมสงขลา8ศพ-เดือดร้อน2แสนครัว

สถานการณ์อุทกภัยในจ.สงขลา ครอบคลุมพื้นที่ 16 อำเภอ 125 ตำบล 933 หมู่บ้าน และ 254 ชุมชน ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 212,327 ครัวเรือนหรือ 542,827 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 8 ราย และอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัย 1,808 ครัวเรือน รวมกว่า 5,775 คน แม้ว่าสถานการณ์ในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลาย แต่บางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณคาบสมุทรสทิงพระ ยังมีน้ำท่วมขังเนื่องจากน้ำจาก จ.พัทลุงและนครศรีธรรมราชไหลลงทะเลสาบสงขลา ทำให้การระบายน้ำยังเป็นไปด้วยความล่าช้า

นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายทั้งด้านทรัพย์สินและสภาพแวดล้อม เพื่อกำหนดแผนฟื้นฟูพร้อมทั้งวางแนวทางป้องกันระยะยาวซึ่งสถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่เริ่มลดตามปริมาณฝนที่เบาบางลง อย่างไรก็ตาม บริเวณคาบสมุทรสทิงพระยังต้องเผชิญกับปัญหาระบายน้ำล่าช้า เนื่องจากทะเลสาบสงขลายังคงรับน้ำปริมาณมากจากจังหวัดใกล้เคียง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม สถานการณ์จะคลี่คลายเร็วขึ้น.

นายกฯสั่งใช้แม่สายโมเดลรับมือภัยพิบัติ

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกำชับคณะโฆษกรัฐบาล ให้อธิบายกับประชาชนถึงนโยบายที่ทำมา โดยใช้แม่สายโมเดล ไม่ว่าจะเป็นการเข้าฟื้นฟูระยะสั้น กลางหรือระยะยาว นายกฯยังระบุว่าภาคใต้ต้องเข้าสู่เฟส 2 หลังฟื้นฟูสถานการณ์น้ำท่วม และจะใช้โมเดลที่ไม่น้อยไปกว่าภาคเหนือ เพื่อให้เกิดความสมดุลในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการตั้ง กรรมการศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติ เนื่องจากไม่เฉพาะน้ำท่วมอย่างเดียวที่ผ่านมาก็วนอยู่อย่างนี้ เมื่อเข้าหน้าหนาวเป็นภัยหนาว ต้นปีเป็นภัยแล้ง พอเดือนหกก็เป็นภัยฝนน้ำท่วมอีก ฉะนั้นในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 3 ธันวาคมจะพิจารณาเรื่องนี้ถ้าเกิดเหตุการณ์ลักษณะใดก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ รัฐบาลก็ต้องดำเนินการฉับพลันทันที อาจเป็นการลงพื้นที่ของนายกฯ รองนายกฯ หรือผู้อำนวยการที่เกี่ยวข้องบ้าง แต่ต้องสั่งการกันชัดเจน โดยใช้โมเดลแม่สาย-เชียงใหม่ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ ที่แม่สายนั้นฟื้นฟูพื้นที่เร็วมาภายในเวลาแค่สองเดือน ส่วนการลงพื้นที่ภาคใต้ของนายกฯนั้น นายจิรายุกล่าวว่า จะพูดคุยอีกทีในที่ประชุม ครม. เพราะตอนนี้น้ำลดแล้ว การลงไปก็มีทั้งบวกและลบ เพราะจะลงหรือไม่ลง การสั่งการสำคัญที่สุด ซึ่งนายกฯสั่งการมาต่อเนื่อง

น้ำท่วมใต้เริ่มแห้ง-เตรียมรับมือฝนรอบ2

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ว่า อยู่ระหว่างแก้ปัญหา ขณะนี้ประสานกระทรวงพลังงานให้ประกาศเอาน้ำมันในสต็อกออกแล้ว ส่วนเส้นทางน้ำที่ขาด สั่งให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เข้าไปเคลียร์เส้นทางที่ขาดแล้ว เพื่อให้การลำเลียงสิ่งของอุปโภคบริโภคเข้าพื้นที่ทำได้ง่ายขึ้น ขณะนี้เริ่มใช้รถได้แล้ว เพราะน้ำแห้งหลายส่วน ส่วนที่กรมอุตุฯเตือนจะมีฝนตกหนักระลอกใหม่ช่วงวันที่ 5 ธันวาคมนั้น ตนสั่งการไปแล้วให้กำลังคนและอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆยังประจำการในพื้นที่ ทั้งนี้ เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรแล้ว จึงจะมาเริ่มฟื้นฟู ทั้งนี้ทางสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เตรียมการเรื่องการฟื้นฟูไว้หมดแล้ว ถือว่าเรื่องเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ มาจากจังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ กระบวนการต่าง ๆ ก็สามารถดำเนินการไปตามขั้นตอนได้เลย