“บิ๊กเต่า” เผยออกหมายเรียก “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาพยายามกรรโชกทรัพย์นัดหมาย 6 ธันวาคมนี้ และเตรียมแจ้งข้อหา กรรโชกทรัพย์ กับ “สามารถ” เพิ่มอีก 1 คดี หลังพบเส้นเงินบังคับขู่เข็ญ ผู้ประกอบการบริษัทการลงทุน ให้จ่ายรวมเป็นเงินกว่า 5 แสนบาท ส่วนเส้นเงิน 2 ล้าน จากบอสดิไอคอนที่เชื่อมโยงไปถึงบุคคลใกล้ชิด เตรียมให้ดีเอสไอสอบสวนต่อ ด้าน“ดีเจเคนโด้-อี้ แทนคุณ”ยื่นหลังฐานให้ ดีเอสไอ สอบรถหรู”สามารถ”ชื่อจดทะเบียนไม่ตรง เอี่ยวบริษัทขายซิมมีเงินหมุนเวียน 100 ล้าน
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 2 ธันวาคม 2567 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ “ฟิล์ม” กรณีคลิปเสียง เรียกรับเงินจากบอสบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป 20 ล้านบาท ว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ไปขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ฟิล์ม แต่ศาลไม่อนุมัติ โดยพิจารณาให้ออกเป็นหมายเรียกแทน เพราะศาลมองว่าเป็นข้อหา “ฉ้อโกง” ไม่ใช่ “พยายามกรรโชกทรัพย์” ตามที่พนักงานสอบสวนยื่นขอไป
ดังนั้นในวันนี้ (2 ธ.ค.67) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียก ฟิล์ม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาฐานพยายามกรรโชกทรัพย์ ในวันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม นี้ เวลา 10.00 น. แต่หากเจ้าตัวจะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนก่อนนั้นสามารถทำได้ แต่หากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก 2 ครั้งแล้วยังไม่มา จะต้องพิจารณาเรื่องออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
“ข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ที่ออกหมายเรียก เป็นข้อหาตามที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ส่วนหลังการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วจะแจ้งเพิ่มข้อหาฉ้อโกง หรือพยายามกรรโชกทรัพย์ ให้ไปดูกันที่รายละเอียดการสอบสวน ส่วนคดีที่ หนุ่ม กรรชัย แจ้งความ ฟิล์ม ในข้อหาหมิ่นประมาทนั้น เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำ ฟิล์ม ในทุกคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปในคราวเดียวกันด้วย” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ว่า ได้มีการตรวจสอบพบเส้นเงินประมาณ 4-5 แสนบาท ที่เข้าข่ายการกรรโชกทรัพย์ จึงได้เรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำ ซึ่งขณะนี้ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความฐานกรรโชกทรัพย์ไว้แล้ว ทำให้ตอนนี้นายสามารถ ต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 1 คดี โดยให้ กก.2 บก.ป. เป็นผู้รับผิดชอบ
โดยผู้เสียหายรายนี้ เป็นผู้ประกอบการเปิดบริษัทเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งได้มีเอกสารยืนยันการทำธุรกิจอย่างถูกต้องมาตลอด แต่ปรากฏว่านายสามารถได้ติดต่อไปข่มขู่ว่า บริษัทมีจุดหมิ่นเหม่ที่จะผิดกฎหมาย ทางบริษัทพยายามจะชี้แจง แต่นายสามารถก็ไม่รับฟัง และเรียกรับเงิน โดยตอนแรกเรียกเดือนละ 5 หมื่นบาท ผู้เสียหายจึงต่อเหลือเดือนละ 2 หมื่นบาท ซึ่งมีการจ่ายมาหลายเดือน รวมเป็นเงินประมาณ 4-5 แสนบาท ลักษณะแผนประทุษกรรมจะคล้ายกับกรณีของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ที่อ้างว่าตัวเองมีความรู้แล้วเข้าไปเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับนายสามารถในเรือนจำได้เร็วๆ นี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้พนักงานสอบสวนกำลังสอบสวนอยู่ แต่มีเส้นเงิน และชัดเจนแล้วว่ามีการบังคับขู่เข็ญ ทำให้ผู้เสียหายต้องยอมจ่ายเงินจำนวนนี้ และนอกจากเส้นเงินนี้แล้ว ยังพบเส้นเงินอีกเกือบ 2 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงไปยังบุคคลใกล้ชิดของนายสามารถ โดยเป็นเงินที่ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล และนายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ โอนมาให้ ซึ่งเรื่องนี้ได้เรียกบุคคลใกล้ชิดคนดังกล่าวมาสอบปากคำแล้ว พบว่าให้การเป็นประโยชน์ แต่คดีหลักตอนนี้อยู่ที่ดีเอสไอ ซึ่งคาดว่าดีเอสไอจะต้องไปสอบสวนเพิ่มเติม เพราะยังไม่มีข้อมูลเรื่องเส้นเงินนี้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสามารถ ประท้วงอดอาหารจนมีอาการป่วย ว่า อย่าทำแบบนี้เลย ถ้ามีความผิด ศาลก็จะต้องพิจารณาตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่ว่าจะผูกคอตาย หรืออดอาหารตายแล้วศาลจะให้ประกันตัว ไม่งั้นก็ได้ประกันกันหมดแล้ว กระบวนการยุติธรรมมีหลักเกณฑ์ พิจารณาเป็นกรณีไป ดังนั้น อย่าทำเพื่อจะได้รับการประกันตัว ให้ไปสู้กันในชั้นศาล
วันเดียวกัน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือดีเจเคนโด้ ผู้ก่อตั้งเพจเคนโด้ช่วยด้วย เดินทางนำหลักฐานเกี่ยวกับรถยนต์อัลพาร์ท สีดำ ทะเบียร ส-0671 กทม. ของกลางที่ ยึดได้จากบ้านของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ที่บ้านย่านพรานนก มาให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ตรวจสอบว่ารถคันดังกล่าวใครเป็นผู้ครอบครองตัวจริง
นายเคนโด้ บอกว่า ได้ตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถประจำตำแหน่งของบริษัทจำหน่ายซิมยี่ห้อหนึ่ง (บ.เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น) ที่มีประเด็นเรื่องการชักชวนคยมาลงทุนอ้างได้ผลตอบแทนสูง และยังมีดารา นักการเมือง ไปทำการตลาดให้ จนตอนนี้มีผู้เสียหายออกมาร้องเรียน แต่ประเด็นหลักคือ รถดังกล่าวทางDSI บอกว่า เป็นรถของนายสามารถ ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่ตนไปตรวจสอบมา ตนจึงอยากให้ DSI ตรวจสอบให้ลึก ว่านายสามารถไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวหรือไม่ และต้องการให้บริษัทดังกล่าวออกมาชี้แจง ว่ารถเป็นของใคร เหตุใดนายสามารถถึงนำไปใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง หรือ นายสามารถไปมีตำแหน่งอะไรในบริษัทนี้ รวมถึงรถคันอื่นของนายสามารถอีก 4 คัน ว่ามีความเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ซึ่งตนไม่ได้บอกว่า บริษัทดังกล่าวผิด แต่แค่อยากให้ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน เพราะ มีพฤติกรรมให้คนมาระดมทุน จึงตั้งข้อสังเกตุว่าจะเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของนายสามารถหรือไม่ เพราะช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทนี้ไม่ได้มีการจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย
พร้อมกันนี้ นายเคนโด้ และนายแทนคุณ พานายหน่อง ผู้เสียหายที่ทางสอบสวนกลางพบเส้นเงินเกี่ยวข้องกับเงินหมุนเวียนจำนวน 100 กว่าล้านของบัญชีแม่นายสามารถที่เรียกมาสอบปากคำไปเมื่อสัปดาห์ก่อน มามอบหลักฐานต่อสื่อมวลชนว่า ถูกนายสามารถเรียกเงินเป็นรายเดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 จนถึงกรกฎาคม 2567
นายแทนคุณ กล่าวว่า พฤติกรรมของนายสามารถมีการไปแอบอ้างเทวดา เพื่อไปเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย โดยแบ่งพฤติกรรมเป็น 3 ลักษณะคือ 1.อ้างมีการผู้ใหญ่ มีแบคดี มีเทวดาคุ้มครอง 2. ต้องจ่ายส่วน จ่ายค่าเซ่นเทวดา 3.มักจะแสวงหาผลประโยชน์จากการใช้ข้อมูลจากผู้เสียหายว่ามีคนมาร้องเรียนให้ช่วยเหลือเมื่อได้ข้อมูลจากเสียหายก็จะไปคุยกับบุคคลอื่นเพื่อตบทรัพย์มองว่าสอดคล้องกับเงินที่คุณแม่พูดว่าเป็นเงินทำบุญที่โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถที่อ้างว่าเป็นเงินทำบุญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี