ผบก.ป.ยันแจ้งข้อหา "ทนายตั้ม" คดี 39 ล้านเพิ่มแล้ว เตรียมแจ้งข้อหา "นุ-แซน" เพิ่มเติม และเชื่อว่ามีบุคคลอื่นที่ต้องถูกดำเนินคดีอีก ส่วน "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ยังไม่ประสานเข้าพบหลังออกหมายเรียกหรือไม่
วันที่ 3 ธันวาคม 2567 พลตำรวจตรีมนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ "ทนายตั้ม" กรณีร่วมกันฉ้อโกงเงินของ "มาดามอ้อย" ว่า เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อหา "ทนายตั้ม" ภายในเรือนจำเพิ่มเติม 7 ข้อหา เกี่ยวกับการร่วมกันฉ้อโกงเงิน 39 ล้านบาท , แจ้งความเท็จ , นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ , ฟอกเงิน และ สมคบกันฟอกเงิน
อย่างไรก็ตาม "ทนายตั้ม" ยังคงให้การปฏิเสธ และกล่าวอ้างถึงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่พนักงานสอบสวนต้องสืบสวนสอบสวนต่อไปตามขั้นตอน นอกจากนี้ก็เตรียมเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายนุวัฒน์ หรือ นุ และนางสาวสารินี หรือ แซน คนสนิทของทนายตั้มในเรือนจำต่อไป
สำหรับการสืบสวนคดีนี้ตำรวจดำเนินการในทุกมิติ และสำนวนคดีมีความคืบหน้ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว และอยู่ระหว่างเร่งรัดส่งสำนวนให้อัยการให้ทันฝากขังผู้ต้องหาผัดที่ 3-4 ทั้งนี้เชื่อว่าอาจมีผู้ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม
ส่วนกรณีพินัยกรรมของ "มาดามอ้อย" ที่ "ทนายตั้ม" เป็นผู้จัดการมรดก และ "มาดามอ้อย" ได้ขอยกเลิกไปแล้วนั้น เบื้องต้นยังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษประเด็นดังกล่าว จึงยังไม่อยู่ในสำนวนการสืบสวนสอบสวน
นอกจากนี้พลตำรวจตรีมนตรี ยังเปิดเผยความคืบหน้าการออกหมายเรียก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ว่า ได้ออกหมายเรียกไปแล้ว และส่งไปยังที่อยู่ตามภูมิลำเนา ซึ่งเป็นช่องทางตามกฎหมาย นัดหมายให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนในวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายนนี้ แต่เบื้องต้นยังไม่มีการประสานติดต่อว่าจะเข้าพบมา มีเพียงที่เคยส่งทนายความมาลงบันทึกประจำวันก่อนที่จะมีการออกหมายเรียก เพื่อแจ้งยืนยันว่าไม่ได้หลบหนี
ทั้งนี้หาก "ฟิล์ม" จะเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนวันนัด หรือมานอกเวลาราชการ ก็สามารถเดินทางมาได้ ทางตำรวจยินดี และการมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ไม่ใช่การจับกุม ดังนั้นคงไม่มีการควบคุมตัว และเป็นเหตุให้ต้องประกันตัวใดๆ
ส่วนคดีของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช พลตำรวจตรีมนตรีเทศขันเปิดเผยว่า กรณีที่เมื่อวันที 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมที่กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามในข้อหากรรโชกทรัพย์ โดยบอกว่านายสามารถไปเรียกรับเงินเดือนละ 30,000 บาทนั้น ตำรวจยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนการสอบปากคำนายสามารถในเรือนจำ ส่วนคดีอื่นๆ ที่อาจเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินที่ตำรวจพบนั้น ยังไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความเพิ่มเติม
ขณะที่คดีของนางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ที่เรียกรับเงินจาก "บอสพอล" ดิไอคอน กรุ๊ป 7.5 ล้านบาท ที่เมื่อวานนี้ทนายความของ "บอสพอล" เข้าให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติมนั้น ก็เป็นการให้ปากคำเพิ่มเติมตามความต้องการของทนายความ "บอสพอล" ส่วนประเด็นที่อ้างว่าในคลิปเสียงมีการอ้างถึงข้าราชการระดับผู้อำนวยการของหน่วยงานหนึ่ง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบความชัดเจนว่าเป็นการแอบอ้าง หรือรู้เห็นกับการกระทำความผิดด้วย แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ในสำนวน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี