‘พ่อ-แม่’ยังไม่ได้เข้าเยี่ยม‘สามารถ’เหตุชื่อยังไม่เข้าระบบงานเยี่ยมญาติผู้ต้องขัง ทนายคาด‘สามารถ’อาจยอมทานข้าวเป็นมื้อแรก หลังร่างกายซูบผอม อ่อนเพลีย พ่อฝากความห่วงใยขอให้ยอมทานข้าว 1 มื้อก็ยังดี
3 ธันวาคม 2567 ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ร.อ.ธีรศานต์ แก้วสง ทนายความของนายสามารถ เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมนายสามารถ ว่า วันนี้ทางคุณพ่อของนายสามารถ ยังไม่ได้เยี่ยมลูกชาย เนื่องด้วยชื่อญาติที่นายสามารถได้ระบุไว้ยังไม่เข้าระบบ ต้องรอขั้นตอนของทางเรือนจำฯก่อน ทำให้วันนี้คุณพ่อยังไม่ได้เยี่ยมลูกชาย แต่คุณพ่อก็ได้ฝากสื่อสารไปกับทางตนว่ามีความเป็นห่วงลูกชาย และรอให้นายสามารถได้กลับออกมา และก็อยากให้กลับมาทานอาหาร ส่วนนายสามารถก็เป็นห่วงคุณพ่อ เพราะพ่ออายุเยอะ ป่วยหลายโรค หลัก ๆ ก็โรคหัวใจ เพราะคุณพ่อได้ผ่าตัดมาแล้ว 3 ครั้ง ทั้งนี้ ในส่วนของคุณแม่เองก็ยังไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ เพราะชื่อยังไม่เข้าบันทึกในระบบ
สำหรับรายชื่อญาติที่นายสามารถได้ระบุไว้กับเรือนจำฯ ได้แก่พ่อและแม่ และบุคคลสนิทใกล้ชิดกับนายสามารถ รวม 3 ราย แต่ไม่มีนักการเมืองในรายชื่อ
ร.อ.ธีรศานต์ เผยว่า ส่วนสภาพจิตใจของนายสามารถตอนนี้ยังคงมีอาการเครียดที่ยังคงอยู่ และร่างกายค่อนข้างผอมลงกว่าเดิม มีอาการอ่อนเพลีย ถึงขนาดเวลานั่งต้องพิงพนักหลังตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม นายสามารถ ยอมจิบน้ำแล้ว แต่เรื่องการรับประทานอาหารนั้น ตนเองและคุณพ่อของนายสามารถ ก็ได้ย้ำเตือนให้นายสามารถกลับมารับประทานอาหารดังเดิม ก็อยู่ที่เขาว่าเย็นนี้จะยอมรับประทานอาหารหรือไม่ ทั้งนี้ สังเกตได้ว่านายสามารถมีท่าทีที่อ่อนลง เงียบ และไม่ขัดขืนเหมือนช่วงแรก จึงทำให้ตนเชื่อว่าหลังจากนี้นายสามารถ อาจจะกลับมารับประทานอาหารดังเดิม อย่างน้อยวันละ 1 มื้อก็ยังดี ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะจะได้มีกำลังวังชาในการต่อสู้คดีต่อไปเพื่อความยุติธรรม เพราะนายสามารถอดอาหารมาตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์ภายในเรือนจำฯ นายสามารถยังไม่ถูกใครรังแก เพราะทางเรือนจำฯ ก็ดูแลค่อนข้างดี
ร.อ.ธีรศานต์ เผยต่อว่า ด้านความคืบหน้าการทำคำให้การต่อสู้คดีของดีเอสไอนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการขอคัดเอกสารจากดีเอสไอ ว่าดีเอสไอได้ไปตรวจค้นบ้านและได้ตรวจยึดเอกสารอะไรไปบ้าง ทราบเบื้องต้นว่าเอกสารส่วนใหญ่เป็นเอกสารเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ดังนั้น หากคัดเอกสารมาไม่ทัน ตนก็อาจจะต้องยืดขยายเวลายื่นคำให้การออกไปก่อน ซึ่งจะขยายเวลากี่วันนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความเมตตาของดีเอสไอ ถ้าหากได้เอกสารเร็วขึ้น ก็จะสามารถทำคำให้การได้เร็วขึ้น
ร.อ.ธีรศานต์ เผยด้วยว่า สำหรับข้อต่อสู้ของนายสามารถ ก็ยังคงยืนยันในประเด็นเดิม คือ ข้อหามูลฐานที่ถูกดำเนินคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินนั้น ยังไม่ชัดเจนว่า The Icon เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ และนายสามารถ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ที่ไป จ.เชียงราย คือ ไปทำบุญ มีพยานยืนยัน และมีตั๋วเดินทางไป-กลับชัดเจน อีกทั้งนายสามารถไม่เคยยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน โดยเฉพาะเงินในบัญชีที่ถูกอายัดไปแล้วก็ไม่สามารถไปยุ่งได้ นอกจากนี้ นายสามารถไม่เคยสมคบที่จะกระทำความผิดฟอกเงินหรือรับเงินบุคคลอื่นมา ซึ่งประเด็นดังกล่าวไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนตามที่ถูกกล่าวหา
ร.อ.ธีรศานต์ เผยอีกว่า ส่วนเรื่องของการจะยื่นประกันตัวชั่วคราวนั้น คงต้องไปรวบรวมพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติมก่อน เพื่อเอามาแนบเสนอต่อศาล ว่า นายสามารถ ไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนีและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้ ตนจะต้องปรึกษากับทีมทนายความก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่คาดว่าน่าจะดำเนินการยื่นเพื่อขอไต่สวนและเพิ่มเงื่อนไขขอให้นายสามารถติดกำไล EM รวมทั้งหลักทรัพย์ในการยื่นประกันนั้นอาจจะต้องเพิ่มกว่าครั้งก่อน
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่านายสามารถอาจจะไม่ได้รับการประกันอีกรอบ เพราะแม้กระทั่งบรรดาบอสของ The Icon Group ที่ป่วยเป็นโรคประจำตัว ศาลก็ไม่ให้ประกันตัว ร.อ.ธีรศานต์ ระบุว่า ก็มีความกังวลในประเด็นนี้ แต่มองว่าเป็นเพราะคดี The Icon Group เป็นคดีหลัก แต่คดีร่วมกันฟอกเงินฯ ของนายสามารถ มันเพียงแค่ 2.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับมูลค่าความเสียหายของ The Icon Group ที่มีมากกว่า 9,000 ล้านบาท จึงค่อนข้างน้อยมาก โดยจะเพิ่มประเด็นดังกล่าวในการยื่นขอประกันตัวในครั้งต่อไปด้วย
ร.อ.ธีรศานต์ ระบุอีกว่า เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวในระหว่างการฝากขัง จึงอยากวิงวอนให้ศาลเมตตาพิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาที่ถูกฝากขังในระหว่างการสอบสวน ไม่ว่าจะคดีอะไรก็ตามทุกคดีเป็นอันดับแรก ส่วนเงื่อนไขว่าจะไม่ให้ประกันตัวด้วยเหตุเพราะอะไร ค่อยพิจารณาเป็นลำดับถัดไป ซึ่งนายสามารถก็ยังได้ฝากบอกเน้นย้ำว่า อยากให้การดำเนินคดีใด ๆ ก็ตามมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ถี่ถ้วน พร้อมที่จะฟ้องก่อน แล้วค่อยมาควบคุมตัวผู้ต้องหา
“ตอนนี้สิ่งที่นายสามารถต้องการที่สุด คืออยากพบคุณพ่อคุณแม่ เพราะเนื่องจากไม่ได้พบมาหลายวันแล้ว และไม่ได้ฝากบอกอะไรเพิ่มเติมอีก ต้องการแค่อยากให้คุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยมเท่านั้น แต่ต้องรอว่าชื่อของพ่อแม่นายสามารถจะเข้าระบบที่สามารถเยี่ยมได้เมื่อไหร่ โดยผมภาวนาว่า ชื่อจะปรากฏและนายสามารถเยี่ยมได้ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป”ร.อ.ธีรศานต์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ร.อ.ธีรศานต์ จะเดินทางมาตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่สามารถเข้าเยี่ยมนายสามารถได้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) ซึ่งถ้าหากพบว่าปรากฏรายชื่อ ก็จะรีบแจ้งให้พ่อและแม่นายสามารถทราบทันที คาดว่าพ่อของนายสามารถจะเดินทางมาเยี่ยมในวันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายในทันทีหากปรากฏรายชื่อ แต่แม่ของนายสามารถ ยังไม่มีการประสานข้อมูลแต่อย่างใด
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี