3 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียน จากนายจินดา อายุ 61 ปี พ่อของนายจักรพันธ์ อายุ 33 ปี ช่างไฟ กรณีลูกชายถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อุ้มตัวไปกักขังและรุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัส โดยกล่าวหาว่าลูกชายไปขโมยแบตเตอรี่ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 67 ภายในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์แห่งหนึ่ง ซอยมัสยิดยามาลุดดิน ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังเกิดเหตุเข้าแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง ผ่าน 2 เดือนคดีไม่คืบ ซึ่งคนที่ทำร้ายเป็นลูกน้องของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม

กล้องวงจรปิดบันทึกภาพวันที่ 21 ก.ย.67 ผู้เสียหายขับรถเก๋งมาจอดที่หน้าอู่ซ่อมรถ จากนั้นได้เปิดประตูรั้วเดินเข้าไปในรั้วผ่านไปสักพักได้เดินออกมาและขึ้นรถขับออกไป 

นายจักรพันธ์ ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ถูกทำร้ายร่างกายเพราะช่วงเช้าวันที่ 21 ก.ย. 67 บังดีมให้ตนเข้าไปดูเรื่องไฟที่เพิงพัก เพื่อเตรียมเปิดร้านซ่อมรถจยย. พอไปถึงจึงเปิดประตูรั้วเดินเข้าไปในบ้าน แต่ไม่มีคนอยู่ จึงกลับออกไปทำงาน จากนั้นช่วงบ่ายเขาโทรมาบอกว่าแบตเตอรี่หาย เพราะเขาดูกล้องวงจรปิดตรงสามแยกเห็นรถของตนขับเข้าไปแค่คันเดียว จึงให้ตนเข้าไปยืนยันว่าไม่ได้เอาไป หากไม่มา แสดงว่าตนเป็นคนเอาไป 

จากนั้นเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน จึงเข้าไปที่อู่เพื่อยืนยันว่าไม่ได้เอาแบตเตอรี่ไป เมื่อไปถึงเจอลูกน้องของบังดีมซึ่งเป็นคนดูแลอู่ เขาเดินมาข้างหลัง แล้วก็ต่อยจนล้ม สักพักมีพวกเขาออกมาอีกคน จับตนมัดมือมัดเท้าและมัดติดกับเสา แล้วก็ลงมือทำร้ายทั้งเตะทั้งต่อยจนเลือดออกหู ออกจมูกและปาก พอจะสลบกลุ่มก่อเหตุเอาน้ำสาด บอกว่าถ้าหลับจะยิ่งโดนหนัก

จากนั้นก็มาปลดเชือกที่มือให้ไปล้างหน้า แล้วให้บอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่ถ้าบอกแบบนั้นจะไม่ปล่อยกลับบ้าน ตนถูกจับซ้อมตั้งแต่เวลา 15.00 น.จนถึง เวลา 18.30 น. ส่วนบังดีมมาทีหลัง ไม่ได้ทำอะไร เพราะตนบาดเจ็บหน้าเละแล้ว เขาเรียกค่าแบตเตอรี่เป็นเงินจำนวน 10,000 บาท แต่ตนไม่มีเงินให้ แม่ไปยืมเพื่อนมาได้ 900 บาท เขาก็เอาโทรศัพท์ของตนไป และถามรหัสก่อนโอนเงินออกไปอีก

หลังเกิดเหตุหมอต้องใส่เหล็กดามขากรรไกร ทานอาหารลำบาก ทรมานมากว่า2 เดือน แพทย์ลงความเห็นว่าต้องรักษาตัว 60 วัน ตอนนี้ไม่ได้ออกจากบ้าน พ่อกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย กลัวคู่กรณีจะมาดักทำร้ายอีก เพราะพวกเขารู้จักคนเยอะ มีทั้งตำรวจและผู้มีอิทธพล 

ที่ผ่านมาไปตามความคืบหน้ากับตำรวจ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ตอนนี้รายได้ก็หายหมด ไปไหนก็ไม่ได้ จึงตัดสินใจนำเรื่องมาร้องกับสื่อเพื่อให้ช่วยติดตามคดี กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม

ด้าน พ.ต.ท.กมลรัตน์ พาน้อย รองผกก.สอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กล่าวว่า ได้ตรวจสอบสำนวนการสอบสวนแล้ว คดีนี้พยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ขณะนี้ยังเหลือพยานอีก 2-3 ปาก ตอนนี้มีผู้ต้องหารายหนึ่งได้ติดต่อขอมอบตัวแล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส  และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ส่วนผู้ต้องหาอีกราย จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมคือความผิดฐานชิงทรัพย์รถยนต์และโทรศัพท์มือถือ แม้จะนำมาคืนภายหลังก็ถือว่าชิงทรัพย์ และความผิดเกี่ยวกับ พรบ.คอมพิวเตอร์