สาวใหญ่ร้อง สูญเงินเกือบ 40 ล้าน หลังถูกทนายดังสัตหีบ ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน ทหารเรือ หลอกขายที่ดินทรงสงวนเขากระทิง ซ้ำมีการปลอมแปลงเอกสารตราครุฑรับรองให้ด้วย
3 ธันวาสคม 2567 จากกรณีที่ อำเภอสัตหีบ นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบที่ดินบนเขากระทิง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ม.6 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อหาข้อเท็จจริง หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า มีกลุ่มคนมีสี ร่วมมือกับผู้อ้างสิทธิครอบครองที่ดินบริเวณพื้นที่โดยรอบเขากระทิง บุกรุกพื้นที่เกือบ 100 ไร่ เพื่อขายให้กับนางสาวลำไย ซึ่งเป็นภรรยาของชาวต่างชาติ ที่อาศัยอยู่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบโดยมี ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.บางเสร่ เป็นผู้ออกเอกสารตราครุฑ รับรองการครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดิน 2 ฉบับ รวม 95 ไร่ เมื่อวันที่ 21 พ.ย.66
ต่อมา อำเภอสัตหีบ ร่วมกับสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาสัตหีบ กำนัน ต.บางเสร่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารเรือ กองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ และเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชบ.1 (บางละมุง) เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ ปรากฏว่ามีการบุกรุกแผ้วถางป่า ตัดต้นไม้ และขุดดินเพื่อทำการเกษตร รวมทั้งทำเส้นทางรถโดยรอบภูเขากระทิง เป็นวงกว้างจริงตามที่ได้รับร้องเรียน และพื้นที่ดังกล่าวเสียหายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ
ต่อมา จนท.ป่าไม้ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.สัตหีบ ว่านางสาวลำไย อายุ 45 ปี และพวก รวม 5 คน กระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ฐานความผิดที่ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 หลังจากนั้น ด้านเจ้าหน้าที่กองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและนำป้ายติดประกาศเตือนในบริเวณพื้นที่ที่มีการบุกรุกระบุข้อความว่า "ที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตที่ดินทรงสงวน ยังไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาต จับจองที่ดินในเขตทรงสงวนจากกองทัพเรือ จึงห้ามผู้หนึ่งผู้ใดดำเนินการใดๆ ในพื้นที่นี้จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากกองทัพเรือ
ล่าสุดวันนี้ 3 ธ.ค.67 นางสาวลำไย ผู้เสียหาย พร้อมทนายความส่วนตัวได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวข้าง สภ.สัตหีบ ว่าเมื่อวันที่ 25 ก.ค.67 ตนได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการผู้ใหญ่บ้านและทนายความ กับพวกนายทหารเรือ (ยศนาวาเอก) ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกง โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ชักชวนและหลอกลวงให้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินหลังหมู่บ้านบุรารัญ เชิงเขากระทิง ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยกลุ่มดังกล่าวยืนยันว่าที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินที่มีผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินมานานแล้ว สามารถซื้อขายสิทธิและออกเอกสารสิทธิการครอบครองได้
โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐออกหนังสือตราครุฑของทางราชการรับรองการครอบครองการใช้ประโยชน์ในที่ดิน เป็นผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายมารับรอง และรับดำเนินการเกี่ยวกับการติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินมารังวัดแนวเขต รวมถึงติดต่อขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายให้ และจะมีเจ้าหน้าที่ที่ดินมาทำการตรวจสอบและรังวัดแนวเขตที่ดินให้
ตนจึงหลงเชื่อเข้าทำสัญญาชื่อขายที่ดินดังกล่าว โดยครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2565 ได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายที่ดินและจ่ายเงินครั้งแรกจำนวน 5 แปลง จากผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินเดิมและที่ดินของกลุ่มนั้น จำนวน 3 ราย เป็นเงิน 3,300,000 บาท และหลังจากนั้น จนถึงช่วงเดือนมกราคม 2566 ได้นำที่ดินบริเวณดังกล่าว ที่อ้างว่าเป็นของตนเองหรือบุคคลอื่นมาหลอกขายและทำสัญญาจะซื้อจะชายที่ดิน และสัญญาซื้อขายที่ดินและจ่ายเงินค่าที่ดินไปอีกหลายครั้ง รวม 17 สัญญา เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 29 ล้านบาทเศษ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่กลุ่มผู้ต้องหากับพวกหลอกลวงว่าจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดิน การดำเนินการขอออกเอกสารสิทธิ และดำเนินการอื่นๆ เกี่ยวกับที่ดินอีกประมาณ 7 - 8 ล้านบาท อีกด้วย
นางลำไย กล่าวต่ออีกว่า หลังจากซื้อที่ดินแล้ว ตนได้พาญาติๆ เข้ามาทำการเกษตรและใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวบางส่วน จนกระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค.67 ตนกับพวกรวม 5 คน ได้ถูกพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ แจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วย ประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า และไม่มีเจตนาเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และฐานความผิดอื่นรวม 4 ข้อหา โดยมีหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ชบ.1 (บางละมุง) และฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นผู้กล่าวโทษ ซึ่งตนกับพวกมิได้มีเจตนากระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่ถูก 3 คน ได้แก่ทนาย ผู้ใหญ่บ้าน และนาวาเอก (ทหารเรือ) หลอกลวงนำที่ดินมาขายให้กับตนและสามี โดยมีการปลอมแปลงเอกสารที่ใช้ในการขายที่ดิน กลับไม่ถูกดำเนินคดีอาญาด้วย
นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มพวกนี้ได้นำที่ดินบริเวณใกล้เคียงไปขายให้กับบุคคลอื่น อีกหลายราย และมีการแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีสภ.สัตหีบ ไว้แล้ว ตนจึงได้ร้องขอความเป็นธรรม และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพวกนี้ ในลักษณะเป็นการฉ้อโกงเป็นปกติธุระ เข้าข่ายผิดกฎหมายฟอกเงิน ตนกับสามี ได้รวบรวมหลักฐานเพื่อไปร้องขอความเป็นธรรมและดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการและทนายต่อสำนักงาน ป.ป.ง. ในความผิดฐานฟอกเงินต่อไป
ล่าสุด วันนี้ 3 ธ.ค.67 พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ ได้ออกหมายเรียกผู้ใหญ่บ้าน และทนายความดังสัตหีบ มาพิมพ์มือ รับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ส่วนในวันรุ่งขึ้น (4 ธ.ค.67) ทาง นาวาเอก สังกัดกองทัพเรือ จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี