ขบวนการขนแรงงานเถื่อนซี่งกระบะแหกด่านกลางดึก จนท.ไล่ล่าระทึก สุดท้ายเสียหลักพุ่งลงข้างทาง คนขับอาศัยความืดหลบหนีไปได้ ส่วน 30 แรงงานไม่รอด อีกคดีรวบคาฟอร์จูนเนอร์ 20 ราย
วันนี้ (4 ธ.ค.67) พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า จากกรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามขบวนการลักลอบกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย
ต่อมา พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 (ผบช.ภ.7) พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.จว.)กาญจนบุรี พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี นำนโยบายดังกล่าวไปปฏิบัติอย่างเข้มงวด เนื่องจากอำเภอสังขละบุรีมีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา และที่ผ่านมา สภ.สังขละบุรีได้จับกุมขบวนการดังกล่าวมาแล้วหลายคดี
ล่าสุดช่วงเวลาประมาณ 19.00 น.ของคืนวันที่ 3 พ.ย.67 ตนได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ด้วยการใช้รถยนต์เป็นพาหนะ หลังจากได้รับแจ้งจึงสั่งการให้ พ.ต.ท.กิตติณัติ์ ปรีชาวุฒิวงศ์ รอง ผกก.ป.สภ.สังขละบุรี พ.ต.ต.ประดิษฐ์ แร่เพชร สว.ธร.ฯ รรท.สวป.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจรถยนต์และชุดเฉพาะกิจ(ปะ ฉะ ดะ) ตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณสามแยกซองกาเรีย หมู่ 3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี
จนกระทั่งเวลา 22.45 น.เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีเทา หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร ขับมาจากทางด้านด่านชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู ด้วยความเร็วสูง เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น แต่คนขับไม่ยอม ซ้ำยังเร่งเครื่องหลบหนีไปทางด้าน อ.ทองผาภูมิอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงขับรถยนต์สายตรวจไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งถึงบริเวณสำนักสงฆ์ทางขึ้นเนินยาว เป็นระยะทางประมาณ 2-3 กิโลเมตร รถยนต์คันดังกล่าวได้เสียหลักพุ่งลงข้างทาง
โดยคนขับได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ได้พยายามติดตามแต่ก็ไม่พบ และจากการตรวจสอบภายในรถ ผลปรากฏพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งชายหญิงและเด็กๆนั่งแออัดกันมาเต็มคันรถ นับรวมกันได้จำนวน 30 คน เป็นชาย 25 คน หญิง 5 คน โดยทั้งหมดไม่มีเอกสารการอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทย เจ้าหน้าที่จึงอายัดรถยนต์เอาไว้เป็นของกลางพร้อมคุมตัวกลุ่มผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.สังขละบุรี
กลุ่มแรงงานให้การยอมรับสารภาพผ่านล่าม ว่า พวกตนทั้งหมดเป็นชาวกิ่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา หลบหนีเข้ามาด้วยการเดินเท้าลัดเลาะชายป่าเข้าช่องทางธรรมชาติมาขึ้นรถยนต์ที่บริเวณริมถนนสาย 323 หน้าเกษตรที่สูง ท้องที่หมู่ 8 ต.หนองลู จุดหมายคือต้องการไปทำงานพื้นที่จังหวัดชั้นในของประเทศไทย ด้วยการยอมจ่ายค่าหัวให้กับผู้นำพาคนละ 5,000 บาท
ระหว่างเดินทางก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน หลังจากผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าว หลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย”
พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี กล่าวอีกว่า ต่อมาเวลา 23.30 น.เจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยว่าเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเป็นจำนวนมากหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณชายป่าหลังหมู่บ้านซองกาเรีย ท้องที่หมู่ 8 ต.หนองลู ทั้งหมดกำลังขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร หลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังรีบเดินทางไปตรวจสอบในทันที
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณพร้อมแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น เมื่อคนขับเห็นจึงอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้ จากการตรวจสอบภายในรถ พบกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งชายหญิงรวมทั้งเด็ก นั่งแออัดอยู่เต็มคันรถนับรวมกันได้จำนวน 20 คน เป็นชาย 12 คน หญิง 8 คน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี