โปรดเกล้าฯองคมนตรีมอบถุงยังชีพ
‘ในหลวง-ราชินี’ทรงห่วง
ผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้
ปภ.เตือน12จังหวัดรับมือ
น้ำท่วม-ดินถล่มถึง11ธ.ค.
มท.1สั่งเร่งจ่ายเงินเยียวยา
“ในหลวง-ราชินี”ทรงห่วงใยผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ โปรดเกล้าฯให้องคมนตรี เชิญสิ่งของพระราชทาน-พระราชกระแสทรงห่วงใย มอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย จ.ยะลา ด้านปภ.สรุปสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ยังมี 5 จว.ประสบอุทกภัยสั่งระดมทรัพยากรเร่งช่วยเหลือประชาชนเต็มกำลัง พร้อมแจ้งเตือน 12 จว.ใต้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม ระหว่างวันที่ 5-11 ธ.ค. ด้านมท.1เผยนายกฯสั่งเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยเร่งจ่ายเงินเยียวยา ไม่ให้ปชช.รอนาน ชี้ความรุนแรงไม่เท่าภาคเหนือ ย้ำผู้ว่าฯ6จว.ใต้มีอำนาจเต็มใช้งบได้เต็มที่
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและจังหวัดยะลา
ในหลวง-ราชินีทรงห่วงใยปชช.
ในส่วนจ.ยะลา พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงห่วงใยราษฎร และเชิญสิ่งของพระราชทาน 2,998 ชุด และเชิญสิ่งของพระราชทานสำหรับเด็ก 150 ชุด มอบแก่นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เพื่อส่งมอบให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยหนักในจังหวัดยะลา ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา โดยมี พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ร่วมรายงานสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ยะลา และอีก 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน- 4 ธันวาคม จ.ยะลาได้รับผลกระทบ 8 อำเภอ 58 ตำบล ดินสไลด์ 85 จุด ประชาชนเดือดร้อน 64,584 ครัวเรือน 188,274 คน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย และมีพื้นที่เกษตรได้รับผลกระทบ 25,245 ไร่ ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่งในอ.เมืองและ อ.รามัน นอกจากนี้ พลเอก เฉลิมชัย และคณะ ยังลงพื้นที่มอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง บ้านลิมุด ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา ซึ่งน้ำท่วมสูงเกินกว่า 3 เมตร บ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก
5จว.ยังจม-ระดมช่วยเหลือปชช.เต็มที่
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) รายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ประจำวัน โดยนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทําให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน – 4 ธันวาคม เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 29 ราย
ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส รวม 26 อำเภอ 179 ตำบล 1,107 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 155,894 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 29 ราย เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเร่งสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ เร่งช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยระดับน้ำในคลองท่าดี จ.นครศรีธรรมราช ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำสายบุรี มีระดับน้ำลดลง
ทั้งนี้ ปภ.ระดมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำระยะไกล รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันละบรรเทาสาธารณภัย KA 32 พร้อมด้วย The Guardian Team เข้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย
แจ้งเตือน12จว.ระวังท่วม-น้ำป่าดินถล่ม
นายภาสกรกล่าวต่อว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ติดตามคาดการณ์สภาพอากาศ พบความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวไทยตอนล่างกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนัก หนักมากบางพื้นที่ โดยต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ ระหว่างวันที่ 5-11 ธันวาคมแยกเป็น พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังและดินถล่ม ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานีนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา สตูล พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็ก ที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จ.ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา และอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกักที่เสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมท้ายน้ำ
อธิบดี ปภ.กล่าวอีกว่า สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่โดยเฉพาะเขื่อนบางลาง จ.ยะลา ปัจจุบันระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมีความเสี่ยงกระทบความมั่นคงของเขื่อน จึงต้องบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของเขื่อน และกระทบท้ายเขื่อนน้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ คลองชุมพร แม่น้ำหลังสวน แม่น้ำตาปี คลองท่าดี คลองชะอวด แม่น้ำตรัง คลองลำ คลองท่าแนะ คลองอู่ตะเภา แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัส
“ปภ.แจ้งเตือน 12 จังหวัดภาคใต้ให้เฝ้าระวังเตรียมรับมือสถานการณ์ภัยระหว่างวันที่ 5-11 ธันวาคม โดยติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำใกล้ชิด หากพื้นที่ใดมีน้ำท่วมขังให้เร่งระบายน้ำออกเต็มกำลัง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมให้น้อยที่สุด”อธิบดี ปภ.ระบุ
มท.1ย้ำเร่งโอนเงินเยียวยาเหยื่อท่วมใต้
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทยกล่าวถึงงบเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมวงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อช่วยประชาชนครัวเรือนละ 9,000 บาท เพิ่มอีก 16 จังหวัด พร้อมขยายกรอบงบภัยพิบัติจาก 20 ล้านเป็น 50 ล้านบาทว่า นายกฯสั่งให้ตนในฐานะรองนายกฯลงพื้นที่ภาคใต้ทันที เพราะสถานการณ์หนักมาก ทำให้การทำงานเร็วขึ้น ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ขณะนี้อธิบดี ปภ.ลงพื้นที่ เป็นภารกิจโดยตรงที่ต้องเข้าไปดูแลสถานการณ์ให้ผ่อนคลายขึ้น หลังตนกลับจากพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลความเสียหายและเสนอ ครม. ของบประมาณช่วยเหลืออุทกภัยภาคใต้โดยงบฯ 5,000 ล้านบาท ตนเสนอนายกฯ นายกฯเห็นด้วยที่จะอนุมัติงบประมาณก้อนนี้ไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ให้ปภ.เร่งโอนเงินให้ชาวบ้าน
นอกจากนี้ หลังน้ำลดรัฐบาลจะเยียวยาสุขภาพ จิตใจ เร่งสำรวจความเสียหาย ซึ่งในภาคใต้คงไม่หนักเท่าภาคเหนือ ที่มีดินโคลนและเศษซากไม้ รวมถึงการรุกล้ำพื้นที่ทำให้น้ำไม่สามารถผ่านได้ ภาคใต้ยังไม่รุนแรงขนาดนั้น ในส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 6 จังหวัดที่ประสบอุทกภัย หากใครบริหารดีนำงบ 50 ล้านรวมอีก 20 ล้านบาท เผื่อกรณีฉุกเฉิน ไม่รวมครัวเรือนละ 9,000 บาทเชื่อว่าจัดการสถานการณ์เฉพาะหน้าได้แน่นอน ผู้ว่าฯสั่งการได้เต็มที่ อธิบดี ปภ.ก็อยู่ในพื้นที่ด้วย ไม่น่ามีปัญหา
รถไฟกรุงเทพ- หาดใหญ่เปิดเดินรถแล้ว
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกำชับหน่วยงานของกระทรวงคมนาคมเร่งแก้ปัญหาการเดินทาง ทั้งทางถนนและทางรถไฟให้เร็วที่สุด โดยได้รับรายงานจากนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยศูนย์ความปลอดภัย รฟท. ว่าสถานการณ์น้ำท่วมทางรถไฟภาคใต้ ฝ่ายการช่างโยธาได้ซ่อมทางช่วงที่ขาดในจ.พัทลุงระหว่างสถานีควนเคี่ยม- หารเทา และสถานีหารเทา- โคกทรายเสร็จแล้ว สามารถเปิดการเดินรถไปสถานีชุมทางหาดใหญ่ได้ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยรฟท. เปิดให้บริการขบวนรถเร็วที่ 169 ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31, 37 จากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์-ยะลา ซึ่งเดินรถจากกรุงเทพอภิวัฒน์ ไปถึงชุมทางหาดใหญ่ตั้งแต่เช้าวันนี้ (4 ธันวาคม) ส่วนเที่ยวขึ้นจากหาดใหญ่มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ในขบวนรถด่วนพิเศษที่ 32 (ชุมทางหาดใหญ่ - กรุงเทพอภิวัฒน์) เปิดให้บริการจากสถานีชุมทางหาดใหญ่ มาสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ สำหรับขบวนรถพิเศษที่ 38 วิ่งจากอำเภอสุไหงโกลกมุ่งหน้ากรุงเทพมหานครนั้น เดินทางได้จากชุมทางหาดใหญ่มากรุงเทพฯ ซึ่งจากเส้นทางสุไหงโกลกมาที่สถานีหาดใหญ่ยังอยู่ระหว่างคืนเส้นทาง จะเร่งดำเนินการให้ทันวันที่ 5 ธันวาคม
นราฯเฝ้าระวังฝนระลอกใหม่เร่งช่วยปชช.
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในจ.นราธิวาส นายเราะมันคาน โอราสะมันนี ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาสเผยว่า ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกยังมีประกาศเตือนต่อเนื่องเรื่องฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยจนถึงวันที่ 5 ธันวาคมมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจ.สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ตากใบมีผู้รับเสียหาย 8 ตำบล 52 หมู่บ้าน 9 ชุมชน ได้รับผลกระทบ 9,143 ครัวเรือน ราษฎรเดือดร้อน 39,518 คน ผู้อพยพออกจากที่อยู่อาศัย 21,507 คน ศูนย์พักพิงชั่วคราวฯ 18 แห่งมีผู้ได้รับผลกระทบพักพิงประมาณ 4,603 คน
อุตุเตือนใต้ฝนถล่มระวังท่วม-น้ำป่า
เวลา 17.00 น.กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมมาเลเซีย แนวโน้มเคลื่อนลงช่องแคบมะละกา ส่งผลให้มีแนวลมพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง อ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกตอนเช้า แต่ยังมีอากาศเย็นตอนเช้าบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยอดดอยและยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว ยอดดอยอุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูอุณหภูมิต่ำสุด 12–17 องศาเซลเซียส
เหนือ-อีสานเย็นมีหมอกอุณหภูมิสูงขึ้น
กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศถึง 18:00 น. วันที่ 5 ธันวาคมว่า ภาคเหนือ อากาศเย็นมีหมอกตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส ยอดดอยอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10 องศาฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นมีหมอกบางตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้นอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 18 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาฯ ยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศาฯ
ภาคกลาง หมอกบางตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 20 องศาฯ สูงสุด 33 องศาฯ ภาคตะวันออก หมอกบางตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาฯ สูงสุด 35 องศาฯ ทะเลคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ตกหนักถึงหนักมากบริเวณจ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล ส่วนกรุงเทพและปริมณฑล หมอกบางตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้นอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 37 องศาฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี