ส.ป.ก.ทบทวนการอนุญาตให้ใช้ที่ดิน “ภูนับดาว”ทำหนังสือแจ้งให้ผู้ได้รับอนุญาตใช้ที่ดินหลังพบใช้ดินผิดวัตถุประสงค์ ให้โอกาสโต้แย้งแสดงหลักฐานต่อ ส.ป.ก.สระบุรีภายใน 30 วัน
4 ธ.ค.67 สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ออกแถลงการณ์ชี้แจงข่าวเกี่ยวกับ “ไร่ภูนับดาว” ว่า ได้มอบหมายให้ส.ป.ก.สระบุรี มีหนังสือแจ้งให้ผู้ได้รับอนุญาตทราบว่า จะมีการทบทวนการอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อจัดทำโครงการศูนย์การเรียนรู้เรียนรู้เกษตรกรรมนวัตกรรมยั่งยืนไร่ภูนับดาว โดยให้โอกาสโต้แย้งแสดงหลักฐานต่อสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี (ส.ป.ก. สระบุรี) ภายใน 30 วัน รวมทั้งได้ขอความร่วมมือให้หยุดประกอบกิจการ จนกว่าคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) สระบุรี จะได้พิจารณาทบทวนคำสั่งให้เป็นที่ยุติต่อไป
ส.ป.ก. ชี้แจงลำดับเวลาการตรวจสอบกรณีของ “ไร่ภูนับดาว” ว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขต 1 (ปปท. เขต1) และส.ป.ก. สระบุรี ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีได้รับเบาะแสว่ามีการออก ส.ป.ก. 4-01 ในพื้นที่ปลูกสวนป่าปางหัวช้าง-คลองไทร ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ซึ่งตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว มีเนื้อที่ประมาณ 112-3-68 ไร่ อยู่ในป่าท่าฤทธิ์ ป่าลำทองหลางและป่าลำพญากลาง (ป่าโซน F) เป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน หมู่ 2 ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ที่ ส.ป.ก.ได้มาตามมาตรา 26 (3) พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ธ2518 และประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินคลุมทั้งอำเภอตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินในท้องที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2520 ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวที่ส.ป.ก.สระบุรีรังวัดและจัดที่ดินให้กับเกษตรกรจำนวน 3 รายไม่เป็นพื้นที่ปลูกสวนป่าปางหัวช้างตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบเกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดิน มีการประกอบกิจการฟาร์มปศุสัตว์ โดยเลี้ยงโคนม ม้า เป็ด นกกระจอกเทศ และเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวในลักษณะรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ลานกางเต้นท์ ลานกิจกรรมและร้านอาหารในที่ดิน จำนวน 13 แปลง ในชื่อสถานที่ว่า ไร่ภูนับดาว
ทั้งนี้ วันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ส.ป.ก. สระบุรีได้แจ้งให้เกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ครอบครองที่ดินทั้ง 13 แปลงมาชี้แจงข้อเท็จจริง รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่แล้ว สรุปว่า มีการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ 6 แปลง จำนวน 2 ราย
วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ส.ป.ก. สระบุรีมีหนังสือแจ้งให้เกษตรกรทั้ง 2 รายปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบเข้าทำประโยชน์ ข้อ 7 (3) และ (5) คือ ไม่เปลี่ยนแปลงสภาพที่ดินจนเป็นเหตุให้เสื่อมสภาพต่อการประกอบเกษตรกรรม รวมทั้งไม่ปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างเกินสมควร หากเตือนแล้วยังฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามส.ป.ก.สระบุรี จะดำเนินการสั่งให้เกษตรกรสิ้นสิทธิการเข้าทำประโยชน์ที่ดินตามระเบียบต่อไป
ต่อมามีการยื่นคำขอรับอนุญาตใช้ที่ดินจำนวน 3 แปลง รวมเนื้อที่ 3-0- 25 ไร่ เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ “โครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรรมนวัตกรรมยั่งยืนไร่ภูนับดาว” ที่ประชุม คปจ.สระบุรี ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 มีมติอนุญาตให้มีการใช้ที่ดินโดยการเช่าซึ่งเป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับที่ประกอบกิจการ “ไร่ภูนับดาว”
เมื่อ ส.ป.ก. ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวว่า จึงได้มีหนังสือในเดือนตุลาคม 2567 และหนังสือด่วนที่สุด ที่ กษ 1204/6922 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 แจ้งให้ส.ป.ก.สระบุรีตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำข้อเท็จจริงเสนอ คปจ. สระบุรีพิจารณาทบทวนคำสั่งอนุญาตให้ใช้ที่ดินเนื่องจากยังมีประเด็นอาคารสิ่งปลูกสร้างในที่ดินซึ่งใช้เป็นที่ทำการของบริษัทภูนับดาวที่ยังไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้องตามกฎหมายของหน่วยงานอื่นและอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาคารสิ่งปลูกสร้างที่เสนอในที่ประชุม คปจ.สระบุรี จึงยังไม่เป็นที่ยุติว่า ส.ป.ก.หรือหน่วยงานอื่นจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไร
ปัจจุบัน ส.ป.ก. สระบุรี จึงได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ได้รับอนุญาตทราบว่า จะมีการทบทวนการอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อจัดทำโครงการศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าว ทั้งนี้ ได้ให้โอกาสโต้แย้งแสดงหลักฐานต่อ ส.ป.ก.สระบุรีภายใน 30 วัน และได้ขอความร่วมมือให้หยุดประกอบกิจการ จนกว่าคปจ. สระบุรี จะได้พิจารณาทบทวนคำสั่งให้เป็นที่ยุติต่อไป. (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘กมธ.ที่ดินฯ’ลุยตรวจ‘ไร่ภูนับดาว’ 13 ธ.ค. ยันไม่เกี่ยวประเด็นการเมือง-หวานใจ)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี