งานเข้า"ทนายบอสพอล"ทีมสอบคดีดิไอคอน ปมคลิปเสียงในกลุ่มลับครอบครัวดิไอคอน หมิ่นเหม่ผิดกฎหมายอาญาและเข้าข่ายยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ พร้อมใช้มาตรการคุ้มครองหากพยานถูกข่มขู่ "DSI"ตั้ง"อธิบดีอัยการ-อธิบดีกรมพินิจฯ-ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและไอที"เป็นที่ปรึกษาดำเนินคดีดิไอคอนให้รัดกุม
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก รวม 19 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ฯลฯ” เป็นคดีพิเศษที่ 119/2567 โดยมีผู้ต้องหาจำนวน 19 ราย เป็นนิติบุคคล 1 ราย คือ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด และมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารบริษัทฯ อีก 18 คน ถูกคุมขังระหว่างการสอบสวนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลางนั้น
วันนี้ (4 ธันวาคม 2567) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้เชิญประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองหัวหน้า คณะพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ , พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค , ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ , พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน , นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร , นายเขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ , นางกนกลดา เจริญศรี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีการเงินฯ , พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และ พ.ต.ท.ภีคเดช จุลพล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีในหน่วยงานต่างๆ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวน
โดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้แต่งตั้ง อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน , อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ , พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน , น.ส.กนกไรวินท์ บุรินทร์นันท์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อัครเดช วัชระภูพงษ์ รวม 5 ท่าน เป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 30 เพื่อให้ข้อแนะนำในการดำเนินคดีและการดำเนินการอื่น เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความรอบคอบ รัดกุม เนื่องจากเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการติดตามความคืบหน้าในการสอบสวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานในส่วนของผู้ต้องหา พยานหลักฐานอื่น สรุปพยานหลักฐานและจัดทำรายงานการสอบสวน คิดเป็นความก้าวหน้า 90% คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 - 25 ธันวาคม 2567 ก่อนครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 6 ในวันที่ 27 ธันวาคม 2567 เพื่อให้พนักงานอัยการได้มีเวลาในการพิจารณาสำนวนการสอบสวนอีกไม่น้อยกว่า 12 วัน
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้พิจารณาประเด็นที่ปรากฏข่าวกรณีมีคลิปเสียงของทนายความของผู้ต้องหาบางคน มีการพูดคุยในกลุ่มลับครอบครัวดิไอคอน ในลักษณะข่มขู่ว่า "รายชื่อผู้กล่าวหาคนที่แจ้งความทั้งหมดจะได้ในสัปดาห์หน้าแน่นอน ทางบริษัทพิจารณาดำเนินคดีกับตัวแทนที่ไปแจ้งความทุกคน ในข้อหาแจ้งความเท็จ และกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา ใครที่อยู่ฝั่งผู้เสียหาย ให้ฟังไว้"
ซึ่งต่อมา ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ก่อนหน้านี้ทนายความดังกล่าวได้ทำหนังสือมาขอรายชื่อพยานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยอ้างว่าจะช่วยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ภายหลังมีการออกรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งรับว่าเป็นเสียงของตนเองและชี้แจงสาธารณะว่าการข่มขู่ดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิตามปกตินิยม ไม่เป็นความผิดอาญานั้น ที่ประชุมเห็นว่าเมื่อมีบุคคลใดมาให้การเป็นพยานในคดีอาญากับพนักงานสอบสวนไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ ย่อมต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการที่จะต้องดำเนินการให้พยานได้รับการปกป้องตามกฎหมายด้วยพฤติกรรมดังกล่าว อันเป็นการกล่าวรวมทำนองว่าจะดำเนินคดีกับพยานทุกคนที่ไปให้การต่อเจ้าหน้าที่รัฐในคดีอาญาฐานแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นต้องรับโทษในทางอาญา โดยไม่แยกแยะว่าพยานคนใดที่ให้การไม่ตรงความจริง จะดำเนินคดี จึงอาจเป็นกรณีใช้สิทธิเกินขอบเขตตามปกตินิยมของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมายอาญาและเข้าข่ายไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มีมติปฏิเสธการให้รายชื่อพยานเนื่องจากไม่มีสิทธิตามกฎหมาย รวมทั้งมอบให้กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ เปิดระบบรับแจ้งข้อมูลและเบาะแสจากผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อการกระทำดังกล่าวผ่านระบบ QR Code ที่หน้าเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th เพื่อจะได้พิจารณาให้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองพยานในคดีอาญา และมอบหมายให้กองกฎหมายพิจารณาความเห็นเสนอ เพื่อพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปเพื่อคุ้มครองพยานในคดีอาญาอันเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน มิให้มีผู้ใดมารบกวนเสรีภาพในการให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ อันเป็นหลักประกันในการดำเนินคดีอาญา
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี