กระแสลมหนาวพัดเข้าสู่พื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญระลอกใหม่ สภาพอากาศโดยทั่วไปมีความหนาวเย็น จึงมีพ่อค้า แม่ค้า พลิกวิกฤตภัยหนาว เป็นโอกาส โดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ได้รับการบอกสอน ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เอาข้าวเหนียวทาเกลือทำเป็นขนมเรียกว่า ขนมข้าวจี่ ยืนปิ้งขาย ตามตลาดในตัวเมืองอำนาจเจริญ เป็นประจำทุกปี สร้างรายได้ดีมาก
อย่างเช่น นางสาวเพ็ญนภา เกษดี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 หมู่ที่ 6 ตำบลบุ่งอำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ แม่ค้าขายข้าวจี่ยอดนิยม กล่าวว่า ทำข้าวจี่ขาย ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองอำนาจเจริญมาหลายสิบปี โดยจะทำขายปีละ 1 ครั้ง เฉพาะฤดูหนาว ช่วงอากาศหนาวเย็นเท่านั้น และช่วงนี้อากาศหนาวเย็น จึงนำข้าวมาปิ้งเป็นข้าวจี่ขาย ควบคู่กับ ขายข้าวปิ้ง
ทั้งนี้ ขนมข้าวจี่ จะต้องย่างหรือปิ้งที่เตาถ่านติดไฟตลอดเวลา จึงมีผู้ขายและผู้ซื้อ ยืนล้อมวงช่วยกันปิ้งข้าวจี่พลิกไปมา พร้อมพูดคุยกัน บางคนยืนกินไปด้วย เพื่อบรรเทาความหนาวเย็นที่เป็นไฮไลท์คือ การนำข้าวใหม่มาทำเป็นข้าวจี่ จะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เป็นที่นิยมมาก ซึ่งข้าวจี่ที่ จ.อำนาจเจริญ มี 2 แบบ คือ ข้าวจี่โบราณและข้าวจี่สมัยใหม่ ประยุกต์มาจากข้าวจี่โบราณ ซึ่งมีรสชาติไม่แตกต่างกันมากนัก จึงมีผู้คนหาซื้อข้าวจี่ทานแทนข้าวกันมาก ทำขนมข้าวจี่มาแรงขายดีมาก
นางสาวเพ็ญนภา เกษดี กล่าวถึงที่มาของการทำขนมข้าวจี่ว่า สมัยเด็กๆ เมื่อถึงฤดูหนาว อากาศโดยทั่วไปหนาวเย็น พ่อ แม่ จะก่อไฟผิงที่ใต้ถุนบ้าน ระหว่างนั่งผิงไฟ จะมีการปั้นข้าวเหนียวลักษณะกลมๆเท่าไข่ไก่ หรือไม่ก็ใหญ่กว่าไข่ไก่ แล้วทาเกลือ นำมาปิ้งที่กองไฟ ปิ้งข้าวจี่พลิกไปมาจนมีสีเหลือง พ่อ แม่จะแบ่งให้กิน ด้วยรสชาติหอมมันเค็มนิดๆ กินจนอิ่มท้อง โดยไม่ต้องกินอาหารอะไรเลย จึงเป็นการเรียนรู้การทำข้าวจี่ ปิ้งข้าวจี่ มาตั้งแต่เด็ก
ต่อมา จึงได้นำเอาความรู้จากการทำข้าวจี่ปิ้งข้าวจี่ ทำไปจำหน่ายยังตลาดสดเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ในช่วงหน้าหนาวทุกปี โดยเฉพาะช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวเย็น ข้าวจี่ 2 อย่าง ทั้งแบบสมัยใหม่และโบราณ ขายดีมาก จากที่เคยทำขาย ใช้ข้าวเหนียว วันละ 10 กิโลกรัม เพราะมีผู้บริโภคเพิ่มขึ้น จึงต้องใช้ข้าวเหนียวเพิ่มเป็นวันละ 10-20 กิโลกรัมสร้างรายได้ดี
สำหรับวิธีทำข้าวจี่โบราณ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เริ่มแรก ให้แช่(หม่า)ข้าวเหนียว จนได้ที่ แล้วนำไปนึ่งให้สุก ต่อมา นำข้าวเหนียวสุกมาปั้นเท่าฝ่ามือโรยด้วยเกลือ แล้วเอาไปวางที่เหล็กปิ้งบนเตาไฟ พลิกไปมา จนข้าวเหนียวออกสีเหลืองอมส้ม สามารถรับประทานได้ จำหน่ายก้อนละ 10 บาท ซึ่งที่นี่จะแถมแจ่วให้ 1 ถุงเล็ก เพื่อจิ้มกับข้าวเหนียว เรียกว่า ข้าวจี่โบราณ ที่มีรสชาติอร่อยแซบถึงใจ นอกจากนี้ ยังขายไข่ปิ้ง ซึ่ง 1 ไม้มีไข่ 3 ฟอง ขายไม้ละ25 บาท ควบคู่กันด้วย
นางสาวเพ็ญนภา เกษดี กล่าวถึงวิธีทำข้าวจี่สมัยใหม่ หรือ ข้าวจี่ประยุกต์ว่า เริ่มแรก ให้เอาข้าวเหนียวที่นึ่งจนสุกแล้ว ไปคลุกเคล้ากับกะทิมะพร้าว เรียกว่า ข้าวเหนียวมูน ต่อมา นำไข่ไก่ ตอกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่น้ำปลาลงไป ตีไข่ให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำข้าวเหนียวมูนปั้นเป็นก้อนเท่าลูกไข่ไก่แล้วชุบกับไข่ไก่ทาให้ทั่ว ต่อมา นำไปปิ้งที่เหล็กปิ้งบนเตาถ่าน พริกไปมาจนข้าวเหนียวมูนมีสีเหลืองอมส้มเป็นอันแล้วเสร็จ ด้วยรสชาติหอม อร่อย ทานแล้วร่างกายอบอุ่น คลายหนาวได้ระดับหนึ่ง ที่สำคัญ มีให้ทานปีละ 1 ครั้ง ขายทั้งข้าวจี่โบราณและข้าวจี่ประยุกต์ ก้อนละ 10 บาทเท่ากัน ด้วยราคาไม่แพง ทานอิ่มท้อง ที่สำคัญ อากาศหนาว ขายดีมาก และขายหมดทุกวัน
สนธยา ทิพย์อุตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี