กมธ.มั่นคงเย้ยรบ.หมดท่า
ไร้แผนช่วย 4 ประมงไทย
“กมธ.การต่างประเทศ” ผิดหวัง“กต.” อืดช่วยลูกเรือไทย 4 คนบี้นายกฯสั่งการเชิงรุก ข้องใจกลัวเสียผลประโยชน์คนบางกลุ่มกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่“โรม” ผิดหวังไร้ความชัดเจน4 คนไทยได้กลับเมื่อไหร่ แนะรัฐบาลต้องเข้มแข็งกว่านี้ ชี้’เมียนมา’ทำเกินกว่าเหตุ ลูกเรือเล่าถูกไล่ยิงไม่หยุด ‘ภูมิธรรม’ห่วง สั่งเร่งประสานช่วยเหลือ-ดูแลครอบครัว ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ นัดหารือฝ่ายเมียนมา 19 ธ.ค.นี้
ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า กมธ.ฯได้พิจารณากรณีเมียนมายิงเรือประมงไทย ตรงบริเวณน่านน้ำทะเลอันดามัน จังหวัดระนอง รอยต่อของคืนวันที่ 19-20 พ.ย. โดยเชิญผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาชี้แจงและรายงานสถานการณ์ ซึ่งตนขอแสดงความผิดหวังถึงความไร้ประประสิทธิภาพในการตอบสนองเหตุการณ์ของหน่วยงานของไทยในเหตุการณ์ครั้งนี้ และเชื่อว่ากมธ.ฯหลายคนที่อยู่ในที่ประชุมคงผิดหวังเช่นกัน
นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ผ่านมาเกือบ3สัปดาห์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจากสองหน่วยงานนี้ยังไม่ทราบว่าจริงๆแล้วจุดที่เกิดเหตุเกิดขึ้นตรงไหนหมายความว่าไม่รู้ว่าเกิดในน่านน้ำไทยหรือในน่านน้ำของเมียนมาหมายความว่า ตอนนี้ไทยเองยังไม่รู้ว่าเรือประมงไทยที่มีทั้งหมด 5 ลำ และถูกทหารเรือเมียนมาจับไปหนึ่งลำนั้น ลำรุกล้ำน่านน้ำของเมียนมาหรือไม่ หรือตอนถูกยิง เรือประมงไทยอยู่ในน่านน้ำไทย แล้วเราจะไปประท้วงเมียนมาว่าอย่างไร ร้ายไปกว่านั้นคือทางการไทยได้ขอให้เมียนมาสอบสวนเรื่องนี้ แต่จนถึงบัดนี้ทางการไทยยังไม่มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนว่าจริงๆแล้วเรือประมงไทยที่ถูกหารเรือเมียนมายิงและถูกจับไปนั้นมีการรุกล้ำน่านน้ำของเมียนมาจริงหรือไม่ หรือเหตุเกิดในน้ำไทย
“หากเราไม่ตั้งคณะสอบสวนของเราเองขึ้นมาและรอฟังผลการสอบสวนของฝ่ายพม่า แน่นอนว่าผลการสอบสวนของพม่าย่อมต้องบอกว่าเรือประมงไทยรุกล้ำน่านน้ำของพม่าเขา ใครเขาจะมาบอกว่าเรือไทยที่ถูกยิงขณะอยู่ในเขตน่านน้ำไทย การตั้งคณะสอบสวนฝ่ายไทยก็ไม่ได้กระทบกับความปลอดภัยของลูกเรือประมงไทย 4คนที่ยังถูกทหารพม่าจับไว้ เพราะเป็นเรื่องภายในของไทยที่เราสอบหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ ทำไมเราไม่ค้นหาข้อเท็จจริงตอนนี้ จะรออะไร เรือประมงไทยที่ถูกทหารเรือพม่ายิงมีทั้งหมด 5 ลำ ถูกจับไป 1 ลำ หนีรอดมาได้4ลำ ท่านได้สอบหาข้อได้จริงจากเรือประมงสีดำที่รอดมาได้หรือยัง คณะผู้ที่มาชี้แจงก็ตอบไม่ได้ ผมจึงขอแสดงความผิดหวังถึงความไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐภายใต้รัฐบาลชุดนี้ในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่อาจจะเป็นการรุกล้ำอธิปไตยในน่านน้ำไทย หลังเหตุการณ์ผ่านมา 3 สัปดาห์ แต่ทางการไทยยังไม่รู้เลยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตรงไหน เรือประมงไทยรุกล้ำน่านน้ำพม่าหรือไม่ หรือในทางกลับกันเรือรบพม่ารุกล้ำน่านน้ำไทยเข้ามายิงเรือไทยจนมีคนไทยเสียชีวิตและคนไทยถูกจับไปในขณะอยู่บนน่านน้ำไทยหรือไม่” นายจุลพงษ์ กล่าว
นายจุลพงศ์ กล่าวด้วยว่า อยากตั้งคำถามไปยัง รมว.ต่างประเทศว่า ทำได้แค่ลงบันทึก ช่วยจำให้เมียนมาสอบสวนเรื่องนี้ และรอให้เมียนมาปล่อยคนไทยเท่านั้นหรือ จะทำอะไรในเชิงรุกที่แสดงว่ากระทรวงการต่างประเทศใช้วิธีทางการทูตที่แสดงความแข็งกร้าวที่จะไม่ยอมให้มีการละเมิดน่านน้ำไทยหรือไม่ หากทำได้แค่นี้ นายกฯควรต้องลงมาสั่งการเอง ให้หน่วยงานไทย ภายใต้บังคับบัญชาทำงานเชิงรุกมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ต้องการให้ใช้กำลังทหาร แต่การกำหนดท่าทีและนโยบายต่างประเทศของไทย ที่ไม่ชัดเจนจะก่อให้เกิดปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านรอบประเทศไทยมาโดยตลอด ทั้งนี้ยังมองว่าการกลัวเสียความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นข้ออ้างที่ถูกนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ของบุคคลบางกลุ่มที่มีกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ซึ่งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงกรณีเรือประมงไทยถูกทหารเมียนมายิงและ4ลูกเรือไทย ยังถูกควบคุมตัวว่า ต้องยอมรับยังไม่มีความชัดเจนถึงแนวทางดำเนินการกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วหรือการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ แต่สิ่งที่ต้องย้ำเตือน คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประมงไทยเป็นเหตุการณ์เกินกว่าเหตุมาก ซึ่งได้รับข้อมูลว่า มีการใช้กลไกคณะกรรมการชายแดนท้องถิ่นไทย–เมียนมา หรือ TBC ในการคัดค้าน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงเช่นนี้แล้ว ตนมีความเห็นว่า เรื่องนี้ท่าทีของไทยควรจะต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ เบื้องต้นกระทรวงการต่างประเทศได้พยายามติดตามช่วยเหลือ 4 คนไทย แต่ไม่สามารถได้ตอบได้ว่า คนไทยทั้ง 4คนจะกลับสู่มาตุภูมิเมื่อใด ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องติดตามต่อไปและจะแสวงหาข้อมูลจากทางอื่นๆ ทั้งนี้ ทราบพิกัดจุดเกิดเหตุแล้ว แต่สาระสำคัญ คือ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทางการไทยต้องแสดงท่าทีที่เข้มแข็งว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกองทัพเรือเมียนมาทำเกินกว่าเหตุ และไทยไม่สามารถยอมรับได้ เราอาจจะต้องประท้วงในลักษณะเข้มแข็งมากกว่านี้
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เรื่องความชัดเจนว่าคนไทย 4 คนจะถูกปล่อยตัวกลับเมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่ตอบยากมาก เพราะอยู่ที่ทางการเมียนมาจะส่งคนไทยให้หรือไม่ อีกทั้งเรือประมงที่ถูกยิงเสียหายใครจะเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหาย ไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรือประมง ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า แต่เป็นการยิงเข้ากลางลำเรือ อาจทำให้เกิดการเสียชีวิตได้หลักสิบคนถ้าไม่หนี และวันนี้ลูกเรือไทยที่ถูกยิงเฉียดศีรษะและอยู่ในเหตุการณ์วิดีโอคอลมาเล่าให้กมธ.ฟังว่า พยายามหนี เพราะไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิง แม้จะขับเรือออกห่างจากเรือที่ยิงก็ยังมีการไล่ยิงต่อเป็นระยะเวลานาน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่เราได้รับแสดงให้เห็นว่า กองทัพเรือเมียนมาใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ เพราะเรือติดธงชาติไทย ซึ่งขัดต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศ แม้ว่าพื้นที่ตรงนั้นอาจจะยังไม่มีความชัดเจนหรือเป็นพื้นที่ทับซ้อน แต่วิธีการนี้เป็นวิธีการรุนแรงและทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศด้วย เมื่อถามว่า มีข้อมูลอื่นนอกจากเป็นเรือประมงปกติหรือไม่ ทำให้เมียนมาไม่ยอมปล่อยตัว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีข้อมูลว่าทางเมียนมามองว่า ลูกเรือบางคนที่เป็นคนเมียนมาอาจเกี่ยวข้องกับการต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ไม่ทราบข้อมูลข้อเท็จจริง แต่เป็นคนละเรื่องกับลูกเรือของไทย
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จากเดิมได้รับข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศว่า วันที่ 5 ธ.ค. ลูกเรือทั้ง 4 คน ควรจะได้กลับบ้าน แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุว่าสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่สามารถกลับได้ และไม่มีคำอธิบายชี้แจงใดๆ เบื้องต้นกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามช่วยเหลือลูกเรือ ไม่ได้มีแนวทางว่าจะเพิ่มแรงกดดันไปมากกว่านี้ ไม่มีข้อมูลไหลเข้าสู่กมธ.เรื่องแนวทางที่จะมีการยกระดับไปมากกว่านี้ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลควรจะยกระดับเพื่อช่วยเหลือ ดังนั้นตนเห็นว่าท่าทีของรัฐบาลไทยอ่อนเกินไป ควรจะทำให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะปกป้องได้ ขณะที่ผู้ปฏิบัติงานตัดสินใจได้ระดับหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ส่วนหัวหรือรัฐบาลจะเอาอย่างไรในเรื่องนี้
ขณะที่ พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า จากกรณีลูกเรือคนไทย 4คน ถูกควบคุมตัวในพื้นที่จังหวัดเกาะสอง ปัจจุบันจากการประสานงานร่วมกับคณะกรรมการชายแดนท้องถิ่นไทย-เมียนมา หรือ TBC ทราบว่ายังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการการส่งกลับของเมียนมานั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้หารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีเมียนมา รวมถึงได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยประจำเมียนมา ทราบว่าขณะนี้ติดเรื่องขั้นตอนกฎหมายในการส่งตัวออกมา แต่ไม่ได้มีปัญหาอื่นๆ โดยส่งข้อความฝากไปยังเอกอัครราชทูตไทยประจำเมียนมาว่า มีความห่วงใยลูกเรือคนไทยทั้ง 4คน อยากให้ปล่อยตัวเร็วที่สุด ซึ่ง รมว.ต่างประเทศของไทยจะหารือกับฝ่ายเมียนมาในวันที่ 19ธ.ค.2567 ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้แสดงความห่วงใยต่อความรู้สึกของคนในครอบครัวลูกเรือทั้ง4คน จึงได้ประสานให้หน่วยงานในพื้นที่ประกอบด้วยคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา ศูนย์ประสานงานประมงชายแดนไทย - เมียนมา (ศปชล.) อีกทั้งหน่วยงานของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นหน่วยประสานงานในการแจ้งข่าวสารความเป็นอยู่ให้กับครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบได้รับทราบในทุกๆด้าน โดย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยืนยันว่า จะเดินหน้า พร้อมช่วยเหลือและประสานงานเพื่อให้ลูกเรือคนไทยทั้ง 4คน ได้เดินทางกลับประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มกำลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี