"ทวี สอดส่อง"ขอให้ทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยกำหนดยุทธศาสตร์ การป้องกันและแนวทางการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน ร่วมถึงปัญหากระท่อมและกัญชา เผยปี'67 ยึดยาบ้าได้กว่า 1,000 ล้านเม็ด ด้าน รองผู้ว่าฯกทม.ระบุผลคัดกรองนักเรียน ม.1 พบกลุ่มเสี่ยงติดยาเสพติด 4%
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ เดินทางลงพื้นที่เมื่อวันที่13ธันวาคม 2567 เพื่อตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและสารเสพติด ชุมชนโรงเรียนวัดปากบึง เคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และให้ความช่วยเหลือป้องกันนักเรียนไม่ให้ออกจากระบบการศึกษา โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานและภาคีเครือข่าย พร้อมทั้งให้ทุนประกอบอาชีพแก่ครอบครัวที่ประสบปัญหาด้านรายได้ ทั้งนี้โรงเรียนวัดปากบึง เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพ มหานคร เป็นต้นแบบการดำเนินงาน ZERO DROP OUT ด้วย โดยมี ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นำโดย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร, แพทย์หญิงภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย, นายแพทย์ธนัช พจน์พิศุทธิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด กรุงเทพ มหานคร หรือ ปปส.กทม. , นายธราพงษ์ เพชรคง ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง และ นายแสวง จันทพันธ์ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตลาด กระบัง ฯลฯ ร่วมให้การต้อนรับ
รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่ผลิตยาเสพติด แต่เป็นประเทศที่เป็นทางผ่านลำเลียงยาเสพติด สำหรับยาเสพติดนั้นเราได้ตรวจดูทั้งส่วนผสม จนถึงการบรรจุหีบห่อ ตอนนี้ยังยืนยันว่าไม่พบโรงงานที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดผลิตจากต่างประเทศ โดยที่เราได้รับผลกระทบส่วนใหญ่นั้นมาจากบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ดังนั้น ยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าชายแดนผ่านไปประเทศที่สาม ซึ่งในที่นี้รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าด้วย
ล่าสุดเรามีปริมาณการจับกุมยาเสพติดเยอะขึ้น โดยในปี 2567 มีการจับกุมยาเสพติดได้รวมกว่า 1,000,000,000 เม็ด ซึ่งน่าห่วงใย 2 เรื่อง คือ1. เรื่องความต้องการขาย หรือซัพพลาย ที่พวกเราช่วยกันสกัดกั้น และ 2.ความต้องการซื้อ หรือดีมานด์ จะฝากให้พวกเราช่วยกันทำอย่างไรให้คนปฏิเสธยาเสพติด
“การแก้ปัญหายาเสพติดในประ เทศ ส่วนแรก คือพื้นที่เขตลาด กระบังเป็นพื้นที่พักยาเสพติด ซึ่งรัฐบาลเรากำลังมีนโยบายที่สำคัญ คือ เราต้องปราบปรามนักค้าและแหล่งพักยา ยาเสพติดเข้ามา 2 ภาค แบ่งเป็นเข้าทางภาคเหนือ ประมาณร้อยละ 70 และภาคอีสาน ประมาณร้อยละ 30 ซึ่งกทม.จะเป็นแหล่งพักยา แล้วยังเป็นแหล่งเสพยาเสพติดด้วย”
และ“เราต้องช่วยกันป้องกันยาเสพติด ยาเสพติดนั้นไม่กลัวทหาร ตำรวจ และไม่กลัวกฏหมาย แต่ยาเสพติดกลัวกลัวความรักที่แม่รักลูก การแก้ปัญหานี้อยู่ที่ครอบครัวและชุมชนเป็นหลัก เราต้องทำให้ชัยชนะอยู่ที่ครอบครัวและอยู่ที่ชุมชนให้ได้”รมว.ยุติธรรม กล่าว
ทางด้าน รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เรื่องยาเสพติดโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง กทม. ทำงานคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สำหรับในสถานศึกษาในช่วงหลังมีข้อกังวลในเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดพฤติกรรมที่จะนำไปสู่สิ่งเสพติดอื่น ๆในอนาคตได้ ตัวเลขในการคัดกรองในกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 1 ของกรุงเทพมหานคร โดยเฉลี่ยมีกลุ่มเสี่ยงประมาณ 4% และเราไม่ต้องการให้นักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษาตามนโยบาย ZERO DROPOUT ของรัฐบาล ดังนั้น การดำเนินงานทั้ง หมดในโรงเรียนจึงมุ่งหวังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและนโยบาย จากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อทำให้งานด้านนี้เป็นไปด้วยดีมากขึ้น
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร มีนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหายาและสารเสพติดในโรงเรียน ชุมชนและสถานประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญในการป้องกันในเด็กและเยาวชน ซึ่งให้ความคุ้มครองเด็กในการสอดส่องดูแล แก้ไขพฤติกรรม และการช่วยเหลือด้านการศึกษา เพื่อป้อง กันนักเรียนออกจากระบบการศึกษา โดยสำนักอนามัยดำเนินการร่วมกับโรงเรียนวัดปากบึง สำนักงานเขตลาดกระบัง ศูนย์บริการสาธารณสุข 45 ร่มเกล้า ลาดกระบัง ศูนย์บริการสาธารณ สุข 43 มีนบุรี สถาบันวิจัยและพัฒนานโยบาย (สวน.) สำนักงานปปส.กทม. และศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ 1600 ติดตามพฤติกรรมของนักเรียนที่มีความเสี่ยง และนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติดและสารเสพติด รวมทั้งกลุ่มเปราะบางในด้านอื่น ๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยทำการประเมินภูมิคุ้มกันยาและสารเสพติด ตรวจวัดระดับนิโคตินและตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดโดยความยินยอมของผู้ปกครอง และให้ความดูแลช่วยเหลือ ส่งต่อเข้ารับการบำบัด ติดตามเยี่ยมบ้านร่วมกับทีมสหวิชาชีพ รวมทั้งแก้ไขปัญหาพื้นที่จุดเสี่ยง แหล่งมั่วสุมบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา เพื่อให้นักเรียนสามารถสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และมีความปลอดภัยต่อการดำเนินชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รมว.ยุติธรรม ได้มอบนโยบายในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ให้เป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันอย่างจริงจังและมีความต่อเนื่อง เกิดผลการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รมว.ยุติธรรมและผู้บริหารกรุงเทพมหานครลงพื้นที่ชุมชนเคหะร่มเกล้าโซน 1 เขตลาดกระบัง เพื่อเยี่ยมบ้านนักเรียนที่อยู่ในการดูแลช่วยเหลือ ตรวจเยี่ยมชุมชนเคหะร่มเกล้าโซน 1 รับฟังปัญหาที่ต้องการให้ช่วยเหลือ โดยตัวแทนชุมชน แจ้งปัญหาสำคัญคือ 1.ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่แพร่ระบาดไปในนักเรียน โรงเรียน เยาวชนที่ทวีความรุนแรง 2.ปัญหากระท่อมที่นำไปต้มน้ำกระท่อมเกิดเสพติดรุนแรง 3.ปัญหากัญชาที่ยังไม่มีมาตรการควบคุมพบผู้ต้องบำบัดเสพติดกันชาจำนวนมาก 4.ต้องการให้ดูแลกลุ่มเปาะบาง คนไร้บ้าน เด็กกำพร้าที่ยังมีอยู่ในชุมชน 5.ปัญหายุ่งลายที่เกิดจากน้ำขัง ซึ่ง รมว.ยุติธรรมได้ขอให้ รองผู้ว่าฯ กทม.อำนวยการแก้ปัญหา และมอบสำนักงาน ปปส ผอ.เขตลาดกระบัง ผู้บังคับการตำรวจ นครบาล 3 พร้อมตำรวจในพื้นที่ หน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม ผู้นำชุมชน และที่ปรึกษาชุมชนช่วยการกำหนดยุทธศาสตร์ การป้องกันและแนวทางการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน ร่วมถึงปัญหากระท่อมและกัญชาที่ให้สำนักงาน ปปส ผลักดันการแก้กฏหมายและมาตราการคุ้มเข้มโดยด่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี