‘ตำรวจสอบสวนกลาง’บุกรวบ‘แก๊งเงินกู้’ดอกเบี้ยโหด ข่มขู่ ทำร้ายลูกหนี้ เหิมก่อเหตุถึงสถานที่ราชการ พบแบ่ง‘สาย’วิ่งเก็บเงิน มีที่ปรึกษา โวไม่กลัวตำรวจ
15 ธันวาคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. , พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ , พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย , พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ , พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป. , พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. , พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ , พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์ , พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี , พ.ต.ท.อภิชน ขันกา และ พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป. , ร.ต.อ.ชวรินทร์ แหล่งท้าน รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 1. นายวีรภัทร อายุ 30 ปี และนายมีนทฎา อายุ 23 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” โดยจับกุมได้ที่ด้านหลังอาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม ถนนเทียมร่วมมิตร แขวงห้วยขวาง กทม.
สืบเนื่องจากที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เปิดยุทธการ “CIB ขยี้อิทธิพล” ปฏิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และแก๊งอาชญากรรมทั่วประเทศนั้น มีคดีที่น่าสนใจหลายคดีที่ผู้บังคับบัญชาเห็นควรนำมาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆในส่วนของคดีนี้นั้นเกี่ยวข้องกับแก๊งเงินกู้นอกระบบที่มีพฤติกรรมแสดงอิทธิพลข่มเหงรังแกลูกหนี้ให้ได้รับความหวาดกลัวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม
ก่อนการจับกุมได้มีผู้แจ้งเบาะแสมายัง กก.1 บก.ป. ว่าที่บริเวณศูนย์อาหารชั้นล่างของอาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม มักจะมีแก๊งเงินกู้นอกระบบมาเก็บเงินจากพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดร้านอาหารอยู่ที่บริเวณดังกล่าว หากไม่มีเงินให้ หรือจ่ายช้าจะถูกประจาน ข่มขู่ บางครั้งมีปากเสียงถึงขั้นใช้มือผลักอกทำร้ายผู้เสียหาย พร้อมทั้งประกาศว่าตัวเองเป็นเงินกู้โต๊ะใหญ่ ไม่กลัวตำรวจ ทั้งที่บริเวณดังกล่าวอยู่ภายในสถานที่ราชการ
ผู้บังคับบัญชาจึงได้มอบหมายให้ ว่าที่ พ.ต.ท.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป. หัวหน้าชุดปฏิบัติการณ์ที่ 1-1 กก.1 บก.ป. นำทีมสืบสวนเข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าว พบว่า มีการกระทำความผิดตามที่ได้รับการร้องเรียนจริง โดยแก๊งเงินกู้นอกระบบดังกล่าวมีชื่อว่า “โต๊ะแฟลช & ฟลุ๊ค” สามารถระบุตัวลูกหนี้ได้จำนวน 3 ราย จึงได้ซักปากคำรวบรวมข้อมูล เพื่อวางแผนจับกุมปราบปราม พบว่า แก๊งดังกล่าวมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา และมักจะมาเก็บงวดค่าเงินกู้เป็นประจำทุกวันช่วงเวลาพักกลางวัน โดยจะขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) มาด้วยกัน 2 คน สวมหมวกกันน็อคเต็มใบ เมื่อเก็บเงินได้แล้วก็จะขึ้นรถ จยย.ขับขี่ออกไป
ต่อมา ว่าที่ พ.ต.ท.เดชวุฒิ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการณ์ที่ 1-1 กก.1 บก.ป. วางกำลังโดยรอบลานจอดรถภายในกระทรวงวัฒนธรรมซึ่งคนร้ายมักจะมาจอดรถ ณ บริเวณดังกล่าวอยู่เป็นประจำ ก่อนจะเดินลงไปทวงหนี้จากผู้เสียหาย จากนั้นได้มีชาย 2 คนสวมหมวกกันน็อคเต็มใบ ขี่รถ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ 155 สีแดง กรุงเทพมหานคร ลักษณะตรงตามข้อมูลที่ได้จากการสืบสวนก่อนหน้านี้ มาจอดที่บริเวณลานจอดรถดังกล่าว จากนั้นได้เดินลงไปยังศูนย์อาหารชั้นใต้ดินของอาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ เพื่อทำการเก็บเงินกู้ และดอกเบี้ย จากกลุ่มลูกหนี้ โดยขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งแฝงตัวติดตามคนร้ายทั้ง 2 ไป ได้สังเกตการณ์อยู่โดยตลอด
หลังจากเห็นว่าคนร้ายทั้ง 2 ได้ทำการเก็บเงินเสร็จสิ้นแล้ว ขณะที่คนร้ายกำลังเดินกลับมาที่ จยย. เพื่อจะขับขี่ออกไปนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้สัญญาณกันในชุดบุกเข้าชาร์จตัวคนร้าย แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้น พบธนบัตรรัฐบาลไทยที่กระเป๋าของคนร้ายมีหมายเลขตรงกันกับธนบัตรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนการจับกุม ยืนยันว่าคนร้ายทั้ง 2 รายได้กระทำความผิดจริง ทราบชื่อคนร้าย คือ นายวีรภัทร หรือแฟลช และนายมีนทฎา หรือฟลุ๊ค
จากการซักถามคนร้ายทั้ง 2 ให้การยอมรับว่ามีการให้กู้ยืมเงินแก่กลุ่มผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจริง โดยตนเองนั้นจะหาลูกค้าซึ่งต้องการจะกู้ยืมเงินนอกระบบมาให้กับนายทุนชื่อ “แกรม” ไม่ทราบชื่อสกุลจริง เมื่อลูกค้ากู้สำเร็จตนเองจะได้ส่วนแบ่งเป็น % จากนายทุน และมีหน้าที่ในการวิ่งเก็บงวดเงินกู้รายวันส่งนายทุนอีกทอดหนึ่ง
ในกลุ่มแก๊งดังกล่าวจะมีผู้ที่ทำหน้าที่วิ่งเก็บงวดเงินกู้รายวันหลายราย จะมีการแบ่งสายในการวิ่งเก็บเงินกู้ไม่วิ่งทับสายกัน ซึ่งสายของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้มีชื่อว่า “ทรัพย์หลักชัย 5” มีคนชื่อ นายเตย ไม่ทราบชื่อสกุลจริงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการเพิ่มยอดจากลูกค้า และมีคนชื่อ นายตั้ม ไม่ทราบชื่อสกุลจริงเป็นที่ปรึกษาคอยดูแลสายทรัพย์หลักชัย 5 ในการวิ่งเก็บงวดเงินกู้อีกที โดยมี นายแกรม ไม่ทราบชื่อสกุลจริงเป็นหัวหน้าแก๊งของสมาชิกทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้ทำการรวบรวมข้อมูลขยายผลต่อไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ นายวีรภัทร หรือแฟลช และนายมีนทฎา หรือฟลุ๊ค ทราบ จากนั้นทำบันทึกจับกุมรวมรวมเอกสารพยานหลักฐานนำตัวนายวีรภัทร และนายมีนทฎา พร้อมของกลาง จำนวน 6 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในข้อหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี