‘ตำรวจสอบสวนกลาง’รวบ‘คู่รักอดีตพระ’เปิด‘บัญชีม้า’ เช่ารถเชิดหนีจากอีสาน หลังหนีกบดานราชบุรี
15 ธันวาคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. , พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผกก.8 บก.ทล. , พ.ต.ท.ทัตพร เลขะวัฒนพงษ์ สวญ.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. , พ.ต.ท.ชยธร ถวิลเพชรสกุล สว.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. , พ.ต.ต.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สว.กก.8 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.จรัญ ทองอินทร์ รอง สว.ทล 2 กก.8 บก.ทล , ด.ต.เปรมวิศุทธ์ พัฒนอดติพงศ์ , จ.ส.ต.โสนิล จันทร์พลงาม และ ส.ต.อ.ศรัณย์ อู่ทรัพย์ ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม
1.นายอนุพงษ์ อายุ 24 ปี เป็นจำเลยตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ลงวันที่ 27 กันยายน 2567 โดยกล่าวหาว่า “เป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นในการกระทำผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและเปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้ เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตน เกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาง เทคโนโลยี ” ส่งศาลจังหวัดขอนแก่น
2.นายอนุสรณ์ อายุ 24 ปี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงขอนแก่น ลงวันที่ 1 มีนาคม 2567 โดยกล่าวหาว่า “ยักยอกทรัพย์” ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น
3.นายจักรพันธ์ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี โดยจับกุมได้ริมถนนเพชรเกษม ต.ท่าราบ อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี
สืบเนื่องจากนายอนุพงษ์ และนายอนุสรณ์ ได้บวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม ลักษณะเชิงชู้สาว จึงทำให้ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงแจ้งเรื่องร้องทุกข์ให้ตรวจสอบพฤติการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. ได้ทำการตรวจเช็ค ทราบว่า นายอนุพงษ์ และนายอนุสรณ์ มีหมายจับ และได้ทำการสืบสวน ทราบว่าผู้ต้องหาได้ไหวตัวและหลบหนีออกจากทางวัดไป จากนั้นทำการสืบสวนกระทั่งตามจับกุมตัวได้ที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี
สำหรับนายอนุพงษ์ เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันศาลได้มีคำพิพากษารับหลังจำคุก 1 ปี 6 เดือน และหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา เนื่องจากได้รับจ้างเปิดบัญชีและมีเงินหมุนเวียนกว่าแสนบาท
นายอนุสรณ์ เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลแขวงขอนแก่น ผู้ต้องหาได้เช่ารถจักยานยนต์ และไม่ได้นำรถมาส่งคืนตามกำหนดไว้ อ้างว่ารถเกิดอุบัติเหตุ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น
นายจักรพันธ์ มี 3 หมายจับ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีและหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรีและศาลจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากได้การชักชวนจากนายอนุพงษ์ ให้เปิดบัญชีและหลอกตุ๋นขายอุปกรณ์และโทรศัพท์ แต่ไม่ได้มีการส่งของให้ จึงทำให้มีการร้องทุกข์ในหลายพื้นที่
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. ได้ทำการสืบสวนลงพื้นที่ใน ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ทราบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดได้หลบหนีออกจากวัดไปแล้ว จึงได้สืบสวนข้อมูลเพิ่มเติมกระทั่งทราบว่าได้หลบหนีมาพักอาศัยรับจ้างตัดอ้อย ในพื้นที่ตัวเมืองราชบุรี
จนกระทั่งพบผู้ต้องหาขับรถยนต์ส่วนตัวออกมาจากไร่อ้อย โดยมีนายอนุสรณ์ เป็นผู้ขับขี่และนายอนุพงษ์โดยสารด้านข้างคนขับ จึงเรียกสอบถาม ขณะนั้นผู้ต้องหาพยายามจะขับรถหลบหนี แต่ชุดจับกุมได้นำรถจอดขวาง และได้แสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับให้ทราบ ขณะตรวจสอบพบชายต้องสงสัยยืนร้องไห้ และท่าทางมีพิรุธ ชุดจับกุมจึงสอบถามว่ามีความเกี่ยวข้องหรือเป็นอะไรกับผู้ต้องหาทั้งสอง ชายดังกล่าวได้แจ้งว่าเป็นญาติ เจ้าหน้าที่ชุดจับจึงขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ทราบชื่อคือนายจักรพันธ์ ทำการตรวจเช็คปรากฏว่ามีหมายจับถึง 3 หมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำตัวนายอนุพงษ์ ส่งศาลจังหวัดขอนแก่น และนายอนุสรณ์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น และนายจักรพันธ์ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี