นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และพันตำรวจโท กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นำคณะลงพื้นที่จัดงานสัมมนาโครงการ “ผู้ตรวจการแผ่นดินสัญจรพบประชาชน ครั้งที่ 54” ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนใน จ.ขอนแก่น เพื่อบูรณาการแนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและประชาชน ณ โรงแรมราชาวดี รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล จ.ขอนแก่น
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจในการแสวงหาข้อเท็จจริงจากคำร้องเรียนของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐและจากการหยิบยกเรื่องที่เห็นว่าส่งผลกระทบต่อสาธารณชนมาพิจารณาหาแนวทางแก้ไขเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่อาจได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรือความไม่เป็นธรรมจากการกระทำของหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงเป็นหน่วยกลางในการเชื่อมประสานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งการจัดสัมมนาผู้ตรวจการแผ่นดินสัญจรพบประชาชนในครั้งนี้ มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจถึงหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินและองค์กรอิสระอื่นๆ ที่มีหน้าที่เชื่อมโยงกันแก่ผู้แทนกว่า 500 คน จากส่วนราชการ องค์กรเอกชน ผู้นำท้องถิ่น สื่อมวลชน และเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้เข้าร่วมสัมมนา ต่อด้วยการบรรยายเรื่อง “หน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน” จากนั้นเป็นการเสวนาในหัวข้อ “หน้าที่และอำนาจขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560” โดย นายวุฒิไกร วงษ์กอบศิลป์ ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน นายประทีป จูฑะศร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 4 นายอดิเทพ อุยยะพัฒน์ รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายยุทธนา โงชาฤทธิ์ รักษาการแทน ผอ.สำนักงานศาลปกครองขอนแก่น นายภพธรรม สุนันธรรม รักษาการแทน ผอ.สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดำเนินรายการโดย นางสาวคมขวัญ กาญจนกุญชร รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำหรับในช่วงบ่ายเป็นการเสวนา “ผู้ตรวจการแผ่นดินกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนความไม่เป็นธรรมในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในจังหวัดขอนแก่น” โดย นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และพันตำรวจโท กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการ สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมเปิดรับฟังปัญหาความทุกข์ร้อนและความคิดเห็นที่มีต่อการดำเนินงานของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกด้วย นอกจากนี้ในบริเวณงานสัมมนา ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ร่วมกับ 7 องค์กร ได้แก่ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง ป.ป.ช. สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดขอนแก่น จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของแต่ละองค์กรและให้บริการปรึกษาข้อกฎหมายแก่ประชาชนด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้ร่วมติดตามความคืบหน้าโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับของจังหวัดขอนแก่น และร่วมหารือทางวิชาการกับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (Mekong Institute : MI) เพื่อเป็นประโยชน์ต่อภารกิจการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนต่อไปได้ รวมทั้งการออกหน่วยบริการรับเรื่องร้องเรียนและให้คำปรึกษาปัญหาด้านกฎหมายแก่พี่น้องชาวขอนแก่น ทั้งนี้ สำหรับท่านที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานแต่ต้องการร้องเรียน สามารถส่งเรื่องร้องเรียนมายังช่องทางต่างๆ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ ทั้งทางไปรษณีย์ถึงสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น 5 เลขที่ 120 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้องเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1676 (โทรฟรีทั่วประเทศ) ทางอินเตอร์เนตที่ www.ombudsman.go.th ทางสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชั่น “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” และแอปพลิเคชั่นไลน์ (ID Line : @ombudsman) ซึ่งการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี