ตร.บุกค้นเครือข่าย‘โกทร’5 จุด
ล้างบางมาเฟีย
หาปมเชื่อมโยงสังหาร‘สจ.โต้ง’
ยึดปืน 2 กระบอก-คุมสอบ 1 คน
เล็งตรวจค้นอีกรอบ 16 ธ.ค.
“โกทร-ลูกน้อง” ต้องหาคดีฆ่า “สจ.โต้ง” นอนหลับสนิท คืนที่ 2 ในเรือนจำ ปรับตัวได้-ไม่ป่วย ด้านตำรวจกองปราบ ผนึกสืบภาค 2-ภูธรปราจีนฯเปิดปฏิบัติการ “ล้างบางมาเฟียปราจีน” ตรวจค้นเครือข่าย“โกทร” 5 จุด ยึดปืน 3 กระบอกคุมตัวคนสนิทโกทร สอบหาความเชื่อมโยง ส่วน“ผู้ใหญ่แอ้ด”ไม่อยู่
เมื่อวันที่ 15ธ.ค.2567 นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้ารับตัว นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร อายุ 85ปี กับพวกรวม 7 ราย เข้าคุมขังระหว่างพิจารณาคดีที่เรือนจำจังหวัดนครนายก จำนวน 12วัน อาการการนอนเรือนจำฯ คืนที่ 2 ของผู้ต้องหา ว่า ปัจจุบัน นายสุนทรและพวก ยังคงอยู่ในห้องกักโรคโควิด-19 ตามมาตรการของเรือนจำ ซึ่งในคืนที่ 2 ทั้งหมดยังคงหลับได้เป็นปกติ และยังไม่มีรายใดมีอาการเจ็บป่วยจนต้องพบแพทย์ หรือขอยารักษาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ จากการสังเกตและสอบถาม นายโกทร เจ้าตัวสามารถปรับตัวได้และหากพ้นจากการกักโรค 5วัน จึงจะพิจารณาอีกครั้งว่า จะนำตัวมาอยู่ที่สถานพยาบาลเรือนจำเพื่อสะดวกต่อการดูแล เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ ลุกเดินลำบากและมีโรคประจำตัวที่ต้องดูแล แต่ขณะนี้ ยังไม่มีอาการบ่งชี้ว่าจะต้องนำไปรักษาตัวภายนอกแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เรื่องการรักษาพยาบาลนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาด หรือผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด และไม่ต้องมีคุณสมบัติอะไรเป็นพิเศษ ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม แต่อาการเจ็บป่วยและความเห็นแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ
นางกนกวรรณ เปิดเผยด้วยว่า ส่วนเมนูอาหาร 3มื้อวันที่ 15ธันวาคม2567 ประกอบด้วย มื้อเช้า เป็นข้าวสวยและผัดผักกาดขาว ส่วนมื้อกลางวัน เป็นเมนูราดหน้า และมื้อเย็นเป็นเมนูข้าวสวยและแกงส้ม ซึ่งทุกคนรับประทานอาหารได้ อีกทั้งยังไม่มีทนายความรายใดเดินทางมาเข้าพบทั้ง 7ราย เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ
เวลา 06.00น.วันที่ 15ธ.ค. 67 ตำรวจกองปราบปราม ผนึกกำลังร่วมกับตำรวจสืบสวนภูธรภาค 2 และภูธรจังหวัดปราจีนบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100นาย บุกเข้าตรวจค้นแหล่งเป้าหมายเครือข่ายคนสนิท โกทร หรือนายสุนทรวิลาวัลย์ ภายใต้ ยุทธการล้างบาง มาเฟีย ปราจีน โดยตำรวจได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดปราจีนบุรี เข้าตรวจค้นพื้นที่แหล่งเป้าหมาย รวม 5จุด ประกอบด้วย พื้นที่ อำเภอศรีมหาโพธิ 3 จุด อำเภอบ้านสร้าง 1 จุด อำเภอประจันตคามอีก 1จุด ถือเป็นคนสนิทมีความใกล้ชิด กับโกทร เป็นอย่างมาก ทุกคนถือเป็นฐานเสียงคนสำคัญของโกทร มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยจุดใหญ่ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ตำบลกรอกสมบูรณ์ อำเภอศรีมหาโพธิ ซึ่งภายในมีลักษณะ เป็นบ้านสวน มีบ้านพักคนงาน แคมป์คนงานรับซื้อของเก่า เป็นแหล่งคัดแยกชิ้นส่วนของเก่า เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ จากการตรวจค้นบ้านพัก 2 หลัง หลังแรกเป็นบ้านพักของคนดูแลเฝ้าสวน พบอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นปืนถูกต้องตามกฎหมาย มีทะเบียนถือครองโดยเจ้าของ คือ พ่อบ้านผู้ดูแล เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ไปทำการตรวจสอบ แต่จากการตรวจค้นไม่พบตัวผู้ใหญ่แอ้ด แต่อย่างใด จากการสอบถามคนงานรวมถึงพ่อบ้าน พบว่า ตัวผู้ใหญ่แอ๊ด ไปทำธุระที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ 3 วันที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การตรวจค้นในจุดที่ 4 ที่อำเภอบ้านสร้าง เจ้าหน้าที่ยังพบอาวุธปืนสั้นอีก 1 กระบอก เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไว้ทำการตรวจสอบ พร้อมนำตัวบุคคลเป้าหมายมาที่ กองกำกับการสืบสวนจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อสอบสวนหาความเชื่อมโยง ขณะที่ทำการตรวจค้นทั้ง 5 จุดวันนี้ พบตัวบุคคลผู้ต้องสงสัยคนสนิทของโกทร 1 คนที่จุดอำเภอบ้านสร้าง ที่เหลือไม่พบตัว
สำหรับการตรวจค้นในวันนี้ เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการขยายผลผู้มีอิทธิพลเครือข่ายโกทร หลังเกิดเหตุ ยิง นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง เสียชีวิตในบ้านพักวิลาวัลย์ เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่า สำหรับยุทธการปราบมาเฟียปราจีนบุรีจะคงดำเนินการต่อไปในวันพรุ่งนี้อีก 1 วัน โดยมีแหล่งเป้าหมาย 5 จุด แต่จะเป็นพื้นที่ใดบ้างยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี