แก๊งคอลฯแสบ
ตุ๋นเหยื่อวัย 17
โอนเงิน 3.4 ล้าน
เก็บสะสมทั้งชีวิต
แก๊งคอลฯแสบ แอบอ้างดีเอสไอ โทร.ตุ๋นเด็กวัย 17 ปี พัวพันคดีฟอกเงินเหยื่อหลงเชื่อ นำบัญชีธนาคาร เงินเก็บทั้งชีวิตของปู่-ย่า โอนให้คนร้าย สูญกว่า 3.4 ล้านบาท ตร.ไซเบอร์ เร่งสืบสวนไล่ล่าตัวทันควัน
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รักษาราชการแทน ผบช.สอท.สั่งการให้ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 ลงพื้นที่สืบสวนเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย และติดตามจับกุมคนร้าย กรณีที่พบว่ามีผู้เสียหายเป็นเยาวชนชายอายุเพียง 17 ปี อาศัยอยู่กับปู่และย่า ในพื้นที่ จ.อุดรธานี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์หลอกลวง อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จนสูญเงินกว่า 3.4 ล้านบาท
ต่อมา พ.ต.อ.อภิรักษ์ นำกำลังเข้าพบผู้เสียหายคือ นายรพีภัทร อายุ 17 ปี พบว่าอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุซึ่งเป็นปู่และย่า ใน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี จากการสอบถามข้อมูลทราบว่าเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่อยู่บ้านกับย่า 2 คน ได้มีสายปริศนาโทร.เข้ามา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ อ้างว่าบัญชีธนาคารของนายรพีภัทร เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีฟอกเงิน โดยมิจฉาชีพที่โทร.เข้ามา ทราบข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย และแจ้งว่าได้อายัดบัญชีและปิดการใช้งานแอปฯ Mobile Banking ในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายได้ เมื่อผู้เสียหายตรวจสอบ ปรากฏว่าบัญชีธนาคารได้ถูกอายัด ไม่สามารถเข้าใช้งานแอปฯ Mobile Banking ผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้จริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง
จากนั้นมิจฉาชีพให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนทางไลน์ แล้ววิดีโอคอลพูดคุย ก่อนจะมีคนแต่งกายเป็นตำรวจทั้งชายและหญิง มาพูดคุยด้วย แล้วแจ้งให้โอนเงินไปตรวจสอบ 50,000 บาท แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงินในบัญชี มิจฉาชีพจึงบอกให้ไปหาเงินจากบัญชีธนาคารของญาติหรือใครก็ได้ แล้วโอนไปให้ตรวจสอบผู้เสียหายและย่าของผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงนำโทรศัพท์ของย่าที่มีแอปพลิเคชันธนาคาร และมียอดเงินในบัญชี 2 บัญชี โอนเงินไปให้คนร้าย รวม 10 ครั้ง เป็นเงิน 1,372,311 บาท
ต่อมาผู้เสียหายได้นำโทรศัพท์ของปู่ตนเอง โอนเงินให้คนร้ายอีก 1 ครั้ง เป็นเงิน 46,163 บาท แล้วได้นำบัญชีธนาคารอีกบัญชีของย่า ซึ่งไม่สามารถโอนผ่านแอปพลิเคชันได้ ไปปิดบัญชีที่ธนาคาร แล้วนำเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหาย ก่อนโอนให้มิจฉาชีพอีก 1 ครั้ง เป็นเงิน 1,998,004 บาท รวมความเสียหายที่โอนเงินทั้งสิ้น 3,412,642 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินเก็บของปู่และย่าของผู้เสียหายที่เก็บมาทั้งชีวิต โดยมิจฉาชีพที่แต่งกายเป็นตำรวจได้วิดีโอคอลตลอดเวลา เพื่อควบคุมสั่งการมิให้คลาดสายตา
นอกจากนี้เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปหมดแล้ว คนร้ายยังถามหาทรัพย์สินอื่นของผู้เสียหายอีก แล้วข่มขู่ว่าหากมีให้นำไปจำนองหรือจำนำ แล้วนำเงินที่ได้โอนมาตรวจสอบ ผู้เสียหายและย่าจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง จึงพากันไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ทราบว่า มิจฉาชีพได้แอบอ้างเป็นผู้เสียหาย คือตัวนายรพีภัทร์ แล้วโทรศัพท์ไปที่ธนาคาร เพื่อขออายัดบัญชีและขอปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน Mobile Banking บนโทรศัพท์มือถือของนายรพีภัทร์ จากนั้นคนร้ายจึงแจ้งให้นายรพีภัทร์ ลองตรวจสอบ เมื่อนายรพีภัทร์ ตรวจสอบพบว่าบัญชีโดนอายัดและแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริง จึงหลงเชื่อ
พ.ต.อ.อภิรักษ์ ได้ประสานงานตำรวจ สภ.ทุ่งฝน ให้สอบสวนผู้เสียหายเบื้องต้นตั้งแต่วันเกิดเหตุ โดยล่าสุดได้ประสาน ผกก.สภ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี เพื่อขอรับโอนคดีมายัง กก.1 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนแล้ว และจะได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวน และชุดสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหา เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 ได้เดินทางไปพบผู้เสียหาย เพื่อให้กำลังใจ พร้อมกับได้สอบปากคำเพิ่มเติม รวมทั้งตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย ทำให้ได้ข้อมูลพยานหลักฐาน เช่น ข้อมูลการโทร.ภาพคนร้าย คลิปวิดีโอ คลิปเสียง เพื่อนำมาประกอบคดีเพิ่มเติม
พ.ต.อ.อภิรักษ์ ได้วิดีโอคอลคุยกับผู้เสียหายทั้ง 2 คน ได้แก่ นายรพีภัทร และย่าของผู้เสียหาย เพื่อให้กำลังใจและคำมั่นในการเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี โดยแจ้งผู้เสียหายทราบว่า ทาง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รักษาราชการแทน ผบช.สอท.ได้ส่งกำลังใจมาให้ และยืนยันว่าตำรวจไซเบอร์ทุกนายมีความตั้งใจในการทำคดีอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นที่พึ่งและเยียวยาความเดือดร้อนของผู้เสียหายทุกราย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนมีชื่อเสียง บุคคลทั่วไป หรือกลุ่มเปราะบาง จึงขอให้มั่นใจตำรวจไซเบอร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี