กทม. เพิ่มมาตรการป้องกันโรคอุจจาระร่วงระบาดมากช่วงฤดูหนาว กำชับ รร.ในสังกัดดูแลสุขภาพนักเรียนใกล้ชิด

นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคอุจจาระร่วงในกรุงเทพฯ ว่า ตั้งแต่ 1 ม.ค.-3 พ.ย. 2567 มีผู้ป่วยจำนวน 79,152 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1,446.6 รายต่อแสนประชากร ยังไม่พบผู้เสียชีวิต และพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะในสถานศึกษาไวรัสที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วง ที่พบบ่อยคือ โรต้าไวรัสและโนโรไวรัส ซึ่งจะแพร่ระบาดมากขึ้นในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ตั้งแต่เดือน ธ.ค.-มี.ค. หากอากาศเย็นจะมีแนวโน้มแพร่ระบาดมากขึ้น 

ทั้งนี้ โรต้าไวรัส สามารถติดเชื้อได้ทุกวัย โดยเฉพาะเด็กเล็กต่ำกว่า 2 ปี จะมีอาการเด่นชัด เริ่มจากเป็นไข้ อาเจียน และท้องเสียถ่ายเป็นน้ำ ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล มีอัตราเสียชีวิตต่ำ ปัจจุบันมีวัคซีนในแผนการให้วัคซีนแห่งชาติเริ่มให้วัคซีนตั้งแต่อายุ 2 เดือน 2-3 ครั้ง จนครบอายุ 6 เดือนเพื่อลดความรุนแรงของโรค อย่างไรก็ตาม เชื้อดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลาและพบการระบาดได้ การติดเชื้ออาจเกิดขึ้นได้แต่ความรุนแรงจะน้อยลง เนื่องจากมีภูมิต้านทานจากวัคซีน ส่วนโนโรไวรัสพบการระบาดทุกปีโดยเฉพาะในฤดูหนาว อาการของโรคคล้ายกับอาหารเป็นพิษและเกิดเป็นกลุ่มก้อนได้โดยเฉพาะในโรงเรียน โรคดังกล่าวไม่มียารักษา สามารถรักษาด้วยการประคับประคองไม่ให้ขาดน้ำโดยปกติอาการจะดีขึ้นใน 2-3 วัน

แนะผู้ที่มีอาการอุจจาระร่วงให้ดื่มสารละลายเกลือแร่ (โออาร์เอส) เพื่อป้องกันภาวะช็อกและเสียชีวิตจากการขาดน้ำและเกลือแร่ แต่ไม่แนะนำให้ดื่มเกลือแร่สำหรับออกกำลังกาย หากไม่มีสารละลายเกลือแร่ สามารถทำได้เองโดยผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือแกงครึ่งช้อนชา ละลายในน้ำสะอาด 750 ซีซี จิบทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง ทั้งนี้ สนอ. ได้รณรงค์ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้เด็กนักเรียนโรงเรียนสังกัดกทม.และ ประชาชนเกี่ยวกับวิธีการสังเกตอาการของโรค แนวทางป้องกันการติดเชื้อ วิธีการปฏิบัติตนเมื่อมีอาการอุจจาระร่วง เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพและลดการแพร่ระบาดของโรค 

นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กล่าวว่า สำนักการศึกษา (สนศ.) ได้กำชับทั้ง 437 โรงเรียนในสังกัดในกระบวนการปรุงอาหารให้นักเรียน ครูและบุคลากรต้องถูกหลักอนามัย เป็นอาหารปรุงสุก ใหม่ ภาชนะใส่หรือบรรจุอาหารสะอาดและป้องกันแมลงนำโรค หากพบผู้ป่วย หรือการแพร่ระบาดของโรคฯ ให้โรงเรียนรายงานสถานการณ์พบการติดเชื้อ โดยกำชับทุกโรงเรียนเฝ้าระวังและสังเกตอาการนักเรียนอย่างใกล้ชิด และดำเนินการตามมาตรการทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่แจ้งให้โรงเรียนในสังกัดกทม. ทราบ เรื่อง การเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 กำหนดมาตรการความปลอดภัยด้านต่างๆ สภาพแวดล้อม ความสะอาดและสุขาภิบาล พร้อมได้ประสานสำนักอนามัย สำนักการแพทย์ เกี่ยวกับมาตรการและแนวทางการเฝ้าระวังและดูแลนักเรียน วิธีการสังเกตอาการ แนวทางป้องกัน และวิธีการปฏิบัติตนเมื่อมีอาการอุจจาระร่วง จัดทำเป็นแนวทางและแผนเผชิญเหตุ และขอให้สำนักงานเขตกำกับโรงเรียนในพื้นที่ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในสถานศึกษาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง